“รอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูก” นั้นถือเป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการเสริมจมูก ซึ่งถือเป็นผลข้างเคียงที่ทำให้หลาย ๆ คนเป็นกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่รู้ว่ารอยช้ำที่เกิดขึ้นหายเองได้ไหม เป็นสัญญาณอันตรายหรือเปล่า โดยทั่วไปแล้ว รอยช้ำเหล่านี้มักจะหายไปเองในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยเร่งให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาตามมา วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับวิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก เพื่อให้รอยช้ำใต้ตาหายไปเร็วขึ้นและไม่เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา
รอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูก เกิดจากอะไร
หายเองได้ไหม ดูแลยังไงไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน?
เป็นที่ทราบกันดีว่า “การเสริมจมูก” เป็นการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะสามารถปรับรูปทรงจมูกให้สวยงามได้ตามต้องการ แต่หลังจากการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดมักจะพบกับอาการบวมและรอยช้ำบริเวณดวงตา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นจากการกระทบกระเทือนของการผ่าตัด แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า รอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูกหายเองได้ไหม? และ ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง เพื่อเร่งให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น ในบทความนี้ Solaris Clinic จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ วิธีการดูแลตัวเอง และการฟื้นตัวที่เหมาะสมหลังการเสริมจมูกให้ผู้อ่านทุกคนได้ทราบไปพร้อม ๆ กัน

สาเหตุของรอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูก
หลังการเสริมจมูก การเกิดรอยช้ำใต้ตาเป็นอาการที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผ่าตัด เช่น…
- การกระทบกระเทือนจากการผ่าตัด ในระหว่างการทำศัลยกรรมจมูก อาจเกิดการกระทบกระเทือนกับเนื้อเยื่อรอบๆ จมูกและดวงตา ซึ่งทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนี้แตก ส่งผลให้เลือดออกมาระหว่างผิวหนังและเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดรอยช้ำใต้ตา
- การไหลเวียนของเลือด หลังการผ่าตัด ร่างกายจะพยายามฟื้นฟูตัวเองโดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังพื้นที่ที่ได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวมและรอยช้ำบริเวณนั้น
- เทคนิคการผ่าตัดและเครื่องมือของศัลยแพทย์ วิธีการผ่าตัดของแพทย์และเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดมีผลต่อความรุนแรงของรอยช้ำ เช่น การเลือกใช้เครื่องมือที่มีความละเอียดสูงจะช่วยลดความรุนแรงของการกระทบกระเทือน
- ปัจจัยจากบุคคล การตอบสนองของแต่ละคนแตกต่างกันไป เช่น ความยืดหยุ่นของผิวหนัง ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกาย และปัจจัยทางพันธุกรรม
โดยทั่วไป รอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูกจะค่อย ๆ จางลงภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เช่น การประคบเย็นในช่วงแรก การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มแรงดันในหลอดเลือด และการพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำได้เร็วขึ้น หากพบว่ารอยช้ำไม่ดีขึ้นหรือมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
รอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูกหายเองได้ไหม?
ระยะแรก
ระยะฟื้นฟู
การหายไป
วิธีดูแลรอยช้ำใต้ตาหลังเสริมจมูกให้หายเร็วขึ้น

ในช่วง 0-2 วันหลังการผ่าตัด การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการบวมและช่วยให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น
- ประคบเย็น : ใช้ Cold Pack หรือถุงน้ำแข็งห่อผ้าบางๆ ประคบบริเวณดวงตาเพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันการเกิดรอยช้ำ ควรประคบเป็นระยะๆ ประมาณ 20 นาที แล้วพัก 20 นาที
- นอนยกศีรษะสูง : ควรนอนในท่าที่ศีรษะสูงกว่าร่างกายเล็กน้อย โดยใช้หมอนหนุนเพื่อให้เลือดไม่คั่งบริเวณใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการก้มหน้า : การก้มหน้าอาจเพิ่มความดันโลหิต ทำให้การบวมและรอยช้ำแย่ลง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ศีรษะต่ำกว่าใจ เช่น การยกของหนัก
ในช่วงนี้ ร่างกายเริ่มฟื้นตัวและรอยช้ำจะเริ่มจางลงตามลำดับ
- ประคบอุ่น : หลังจากวันที่ 3 เป็นต้นไป สามารถใช้ ประคบอุ่น เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น
- รับประทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟู : ควรทานอาหารที่มี วิตามิน C, โปรตีนสูง, และ อาหารที่มีสารต้านการอักเสบ เช่น ผักสด, ผลไม้, เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และถั่วต่างๆ
- หลีกเลี่ยงการแตะหรือกดจมูก : ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบีบจมูกแรงๆ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบวมและรอยช้ำเพิ่มขึ้น
เมื่อถึงช่วง 1 สัปดาห์ขึ้นไป รอยช้ำจะค่อยๆ จางลง การดูแลต่อไปจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- การใช้ครีมลดรอยช้ำ : สามารถใช้ครีมที่มี วิตามิน K, อาร์นิกา (Arnica) หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด เพื่อช่วยลดรอยช้ำและฟื้นฟูผิวให้เร็วขึ้น
- ป้องกันแสงแดด : รอยช้ำสามารถคล้ำลงได้หากโดนแสงแดดโดยตรง ควรทาครีมกันแดด SPF สูงหรือใช้หมวกกันแดดเมื่อต้องออกจากบ้าน
กรณีที่ควรปรึกษาแพทย์
รอยช้ำไม่จางลง
อาการบวมผิดปกติ
อาการเจ็บปวดเพิ่มขึ้น
มีหนองหรือการติดเชื้อ
หากมีหนองไหลออกจากจมูกหรือมีการติดเชื้อ ควรได้รับการรักษาโดยเร็ว






( รีวิว เสริมจมูก จาก Solaris Clinic )
สรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับ “อาการช้ำหลังเสริมจมูก”
ท้ายที่สุด ขอย้ำอีกครั้งว่า “รอยช้ำใต้ตา” หลังเสริมจมูกเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากการผ่าตัด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและลักษณะร่างกายของแต่ละคน การประคบเย็น, การนอนยกศีรษะสูง, การรับประทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟู และการใช้ครีมลดรอยช้ำ สามารถช่วยเร่งให้การฟื้นตัวเร็วขึ้นได้ หากมีอาการผิดปกติ เช่น รอยช้ำไม่หายหรือบวมมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาต่อไป