เสริมจมูกแบบ close นั้นถือเป็นเทคนิคเสริมจมูกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยปรับรูปทรงจมูกให้สวยงามได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่มองเห็นได้ภายนอก อีกทั้งยังมีระยะเวลาการพักฟื้นที่สั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งจมูกในลักษณะที่ไม่ซับซ้อนหรือเปลี่ยนแปลงมากจนเกินไป แล้วเทคนิคนี้คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง? รวมถึงต้องเตรียมตัวอย่างไรหากสนใจเสริมจมูกแบบ Close ในบทความนี้ Solaris Clinic จะพาทุกคนไปหาคำตอบ
“เสริมจมูกแบบ close” ทำความรู้จักกับเทคนิคเสริมจมูกยอดฮิต ที่หลาย ๆ คนเลือก คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มาดูกัน!
ในปัจจุบัน การเสริมจมูกกลายเป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับโครงหน้าของเราให้ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น แต่การเลือกเทคนิคเสริมจมูกที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัย หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ “การเสริมจมูกแบบ Close” ซึ่งเป็นวิธีที่หลายคนเลือก เพราะช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งรอยแผลภายนอก
แล้วเทคนิคนี้มีจุดเด่นอย่างไร? เหมาะกับใครบ้าง? หากคุณกำลังสนใจการเสริมจมูกแบบ Close แต่ยังมีคำถามในใจเกี่ยวกับกระบวนการ ข้อดี-ข้อเสีย และการดูแลตัวเอง บทความนี้จะช่วยตอบทุกข้อสงสัย พร้อมแนะนำข้อมูลที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมจมูกแบบ Close มาดูกัน…
เสริมจมูกแบบปิดคืออะไร?
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นวิธีการผ่าตัดเสริมจมูกที่ศัลยแพทย์เปิดแผลขนาดเล็กภายในรูจมูกเท่านั้น โดยไม่ต้องเปิดแผลบริเวณฐานจมูกหรือบริเวณด้านนอก ทำให้ไม่มีรอยแผลที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก วิธีนี้นิยมใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของจมูกมากนัก เช่น การเพิ่มความสูงของสันจมูกหรือการปรับปลายจมูกเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ เทคนิคนี้มักใช้วัสดุเสริม เช่น ซิลิโคนที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล หรือกระดูกอ่อนจากร่างกายผู้เข้ารับการผ่าตัดเอง
ความนิยมของเทคนิคนี้มาจากการที่ผู้รับบริการสามารถฟื้นตัวได้เร็ว แผลมีขนาดเล็ก และไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มีข้อจำกัดในเรื่องการเข้าถึงโครงสร้างภายในจมูกที่อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างใหญ่หรือซับซ้อนได้
เสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับใคร?
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับผู้ที่มีความต้องการและคุณลักษณะดังต่อไปนี้…
- ผู้ที่มีโครงสร้างจมูกพื้นฐานดี
เช่น มีสันจมูกหรือปลายจมูกที่ได้รูปอยู่แล้วแต่ต้องการเพิ่มความสูงหรือปรับเล็กน้อยให้ดูสมส่วนมากขึ้น - ผู้ที่ต้องการแก้ไขเฉพาะจุดเล็กน้อย
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งความสูงของสันจมูก หรือการแก้ไขปลายจมูกให้ดูละมุนขึ้น เช่น ลดปลายจมูกที่หนาเกินไป หรือปรับทรงปลายจมูกให้พุ่ง - ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงเรื่องแผลเป็น
เพราะการเปิดแผลเฉพาะภายในรูจมูกช่วยลดการมองเห็นรอยแผลจากภายนอก - ผู้ที่ไม่ต้องการการพักฟื้นนาน
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาพักฟื้นจำกัด เนื่องจากแผลมีขนาดเล็กและฟื้นตัวได้เร็ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกมาก เช่น ปลายจมูกสั้น ปลายจมูกเชิด หรือสันจมูกคดมาก อาจไม่เหมาะกับเทคนิคนี้และควรเลือกเสริมจมูกแบบโอเพ่นแทน
ข้อดี – ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด
อีกสิ่งที่ทุก ๆ คนควรศึกษาก่อนเข้ารับบริการเสริมจมูกแบบปิดนั่นก็คือ ข้อดีและข้อจำกัดของการเสริมจมูกประเภทนี้นั่นเอง ซึ่งก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้…
ข้อดี
- ไม่มีแผลเป็นภายนอก
แผลผ่าตัดทั้งหมดอยู่ภายในรูจมูก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผล - ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน
กระบวนการผ่าตัดมักใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น - ฟื้นตัวเร็ว
การเสริมจมูกแบบปิดมีบาดแผลขนาดเล็ก ทำให้ระยะเวลาการพักฟื้นสั้นกว่า - ลดความเสี่ยงเรื่องแผลติดเชื้อ
เพราะแผลทั้งหมดอยู่ภายในรูจมูก ลดโอกาสที่แผลจะสัมผัสสิ่งสกปรก
ข้อเสีย
- เหมาะสำหรับการปรับแต่งเล็กน้อย
หากต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจมูกขนาดใหญ่ เทคนิคนี้อาจไม่ตอบโจทย์ - การปรับแต่งปลายจมูกทำได้ยากกว่า
โดยเฉพาะในกรณีที่ปลายจมูกมีปัญหา เช่น ปลายจมูกใหญ่ หรือโครงสร้างไม่สมดุล - ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขจมูกครั้งใหญ่
เช่น การแก้จมูกจากการผ่าตัดที่ล้มเหลวในอดีต หรือการแก้ไขจมูกที่โครงสร้างซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม การเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งจมูกในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยมีข้อดีที่โดดเด่น เช่น ไม่มีรอยแผลเป็นภายนอก ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน และพักฟื้นได้เร็ว อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้อาจมีข้อจำกัดในเรื่องของการปรับแต่งโครงสร้างที่ซับซ้อนหรือการแก้ไขจมูกที่มีปัญหามาก ดังนั้น ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อประเมินความเหมาะสมและตัดสินใจเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ความต้องการและโครงสร้างจมูกของตนเองมากที่สุด
เสริมจมูกแบบปิด กับเสริมจมูกแบบโอเพ่น ต่างกันอย่างไร?
เมื่อพูดถึงเทคนิคการเสริมจมูก หลายคนอาจสงสัยว่า “เสริมจมูกแบบปิด” และ “เสริมจมูกแบบโอเพ่น” แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกแบบไหนจึงจะเหมาะกับตัวเอง ความแตกต่างระหว่างสองเทคนิคนี้มีจุดเด่นและข้อพิจารณาที่ควรรู้ดังนี้
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
เป็นวิธีที่ศัลยแพทย์เปิดแผลภายในรูจมูก โดยไม่มีการเปิดแผลบริเวณฐานจมูกด้านนอก ทำให้ไม่มีรอยแผลเป็นที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งจมูกเพียงเล็กน้อย เช่น การเสริมสันจมูกหรือปรับปลายจมูกเล็กน้อย จุดเด่นของวิธีนี้คือแผลมีขนาดเล็ก ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน และฟื้นตัวได้เร็ว อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้อาจไม่เหมาะกับการปรับแต่งโครงสร้างจมูกที่ซับซ้อน หรือการแก้ไขปัญหาใหญ่ เช่น การปรับปลายจมูกที่มีปัญหาโครงสร้าง
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
เป็นวิธีที่ศัลยแพทย์เปิดแผลบริเวณฐานจมูกระหว่างรูจมูก ซึ่งช่วยให้มองเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ชัดเจนมากขึ้น เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างจมูกครั้งใหญ่ เช่น การแก้จมูกคด การปรับปลายจมูกที่ใหญ่หรือสั้น และการแก้จมูกจากการผ่าตัดครั้งก่อน จุดเด่นของวิธีนี้คือความละเอียดและแม่นยำในการปรับแต่งโครงสร้างจมูก แต่จะมีระยะเวลาการพักฟื้นนานกว่า และอาจมีรอยแผลเล็ก ๆ บริเวณฐานจมูกที่ต้องใช้เวลาในการจางหาย
ดังนั้น การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะจมูกเดิมของแต่ละคน รวมถึงเป้าหมายของการเสริมจมูก หากต้องการปรับแต่งเล็กน้อยและไม่ต้องการพักฟื้นนาน การเสริมจมูกแบบปิดอาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการแก้ไขปัญหาโครงสร้างหรือปรับเปลี่ยนรูปทรงอย่างละเอียด การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะตอบโจทย์มากกว่า การปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมที่สุด
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกแบบปิด
สำหรับการเตรียมตัวเบื้องต้น ก็มีหลายขั้นตอนด้วยกันที่ผู้สนใจเสริมจมูกแบบปิดต้องทราบก่อนเข้ารับบริการ ซึ่งประกอบด้วย…
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ศัลยแพทย์จะตรวจสอบโครงสร้างจมูกและพูดคุยถึงเป้าหมายของการผ่าตัด เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสม - งดยาและอาหารเสริมบางชนิด
เช่น แอสไพริน วิตามินอี และสมุนไพรบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลือดออก - หลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์
เพื่อป้องกันปัญหาการสมานแผล ควรงดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ - เตรียมร่างกายให้พร้อม
พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก และงดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด - แจ้งประวัติสุขภาพ
แจ้งโรคประจำตัว ยาที่รับประทานอยู่ หรือเคยมีประวัติแพ้ยาให้แพทย์ทราบ
ทั้งนี้ การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกแบบปิดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการงดอาหารและยาบางชนิด การหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจส่งผลต่อการสมานแผล และการแจ้งประวัติสุขภาพที่ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเพิ่มโอกาสให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามที่คาดหวัง ดังนั้น อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจเพื่อรับผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุดจากการเสริมจมูก
การดูแลหลังเสริมจมูกแบบปิด
ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญหลังการเสริมจมูกที่ผู้สนใจเข้ารับบริการต้องศึกษา เพราะผลลัพธ์ของจมูกหลังจากการผ่าตัดจะปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียงมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองของคนไข้ด้วย ซึ่งการดูแลตนเองแบบเบื้องต้นนั้นจะประกอบด้วย..
- พักผ่อนอย่างเหมาะสม
ควรนอนหนุนหมอนสูงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อลดอาการบวม - ประคบเย็น
ใช้ถุงน้ำแข็งประคบบริเวณรอบ ๆ จมูกในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดบวม - หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ
หลีกเลี่ยงการก้มศีรษะหรือการถูจมูกแรง ๆ - งดออกกำลังกายหนัก
โดยเฉพาะกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแรงกระแทก - รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
เช่น ซุป น้ำผลไม้ หรือน้ำอุ่น และงดอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ
อย่างไรก้ตาม การดูแลตัวเองหลังการเสริมจมูกแบบปิดเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้จมูกเข้าที่เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การพักผ่อนอย่างเหมาะสม การประคบเย็น การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทก และการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัย การดูแลอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้จากการเสริมจมูกอีกด้วย
เสริมจมูก กับ Solaris Clinic ด้วยเทคนิค Close และเทคนิคเฉพาะกับแพทย์ผู้ชำนาญการ
สำหรับข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่คนไข้ทุกคนต้องทราบก่อนตัดสินใจและเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งนอกจากนี้ ที่ Solaris Clinic ของเราก็มีรูปแบบการผ่าตัดและเทคนิคต่าง ๆ ที่นำมาใช้และคนไข้ควรได้ศึกษาไว้เช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
เสริมจมูก ที่ Solaris Clinic มีกี่แบบ อะไรบ้าง?
สำหรับเทคนิคการเสริมจมูกที่ทาง Solaris Clinic ของเรานำมาใช้ ประกอบด้วย 3 เทคนิคหลัก ดังนี้…
1.การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
คือเทคนิค การผ่าแบบปิด ซึ่งทำการเปิดแผลเพียง ข้างเดียว และใส่ซิลิโคน เข้าไป จากนั้นเย็บปิดแผล โดยวิธีนี้ จะตกแต่งได้น้อยกว่า Semi Open แต่ยังสามารถเพิ่ม Option ได้ เช่น อินเตอร์โดม ตะไบฮัมพ์ เป็นต้น
2.การเสริมจมูกแบบเปิดแผลทั้ง 2 ข้าง (Semi-Open)
คือเทคนิค การผ่าแบบกึ่งเปิด ในรูจมูกทั้งสองด้าน และใส่ซิลิโคนเข้าไปเหมือนแบบ Close เพียงแต่ว่าวิธีนี้ คุณหมอจะสามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ชัดเจน และทำให้ตกแต่งได้มากขึ้น รวมไปถึงลดความตึงของเนื้อจมูกซึ่งทำให้ จมูกมีความโด่งพุ่งได้มากกว่า การเสริมจมูกแบบ Close
3.การเสริมจมูกแบบ SLR (Solaris Technique)
คือเทคนิคพิเศษเฉพาะ Solaris Clinic ด้วยวิธีที่คุณหมอ ออกแบบดีไซน์และปรับจมูกตั้งแต่ฐานไปจนถึงปลายจมูกเพื่อให้ได้ความเหมาะสม ทั้งเรื่องของ ความโด่ง พุ่ง และองศา ที่เข้ากับ Golden Ratio Face แบบสมดุลจะทำให้ มีจมูกที่เข้ารับกับใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าที่อื่น
อย่างไรก็ตาม การเสริมจมูกทั้ง 3 รูปแบบนี้ เป็นการผ่าตัดเบื้องต้นที่ทาง Solaris ของเราเปิดให้บริการ ซึ่งคนไข้แต่ละเคสจะถูกประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับรูปแบบการผ่าตัดอย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้ คนไข้บางละเคสอาจจะต้องมีการนำเทคนิคเสริมอื่น ๆ เข้ามาช่วยด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์ของการเสริมจมูกที่จะออกมาได้รับการแก้ไขที่ตรงจุดและเป็นที่น่าพึงพอใจมากที่สุด
6 เทคนิคในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ที่ Solaris Clinic นำมาใช้
สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกนั้น นอกจากรูปแบบของการผ่าตัดต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทาง Solaris Clinic ก็มีการนำเทคนิคเสริมต่าง ๆ มาใช้ร่วมด้วยเพื่อให้การแก้ไขปัญจมูกของคนไข้เคสตอบโจทย์มากขึ้น ซึ่งประกอบด้วย 6 เทคนิคด้วยกัน ดังนี้…
1.เสริมจมูกตอกฐาน
คือ การปรับฐานจมูกด้วยวิธีการตอกด้วยอุปกรณ์เฉพาะทางการแพทย์ เพื่อให้ฐานตรง เรียว เล็ก และสวยเหมาะสำหรับ คนที่มีปัญหาเรื่อง ฐานจมูกเบี้ยว เอียง หรือ ต้องการให้ เรียวสวยมากขึ้น ก็ได้เช่นกัน
2.เสริมจมูกตะไบฮัมพ์
คือ การตะไบฮัมพ์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของจมูกที่นูนออกมาเพื่อให้มีความ สโลปป์ หรือ เรียวชัด สวยมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีฮัมพ์ที่ใหญ่และหนาโดยเฉพาะจมูกของผู้ชายที่มักจะมีฮัมพ์มากกว่าผู้หญิง
3.เสริมจมูกอินเตอร์โดม
คือ การเย็บกระดูกอ่อนส่วนปลายจมูกให้กระดูกส่วนปลายของจมูกนั้นเข้าหากัน เพื่อทำให้โครงสร้างของจมูกดูเล็กลง ช่วยเสริมให้จมูกเข้ารูปสวยงามมากขึ้น
4.เสริมจมูกตัดปีก
คือ การตัดปีกของจมูกให้เล็กและกระชับมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปีกที่เล็กและช่วยให้จมูกดูเรียวสวยได้รูปมากขึ้น
5.เสริมจมูกรองปลายเนื้อเยื่อเทียม
คือ การใช้เนื้อเยื่อเทียม ที่ผ่านขั้นตอนฆ่าเชื้อทางการแพทย์แล้ว มาเป็นตัวช่วยในการ รองปลายจมูกเพื่อช่วยลดการเสียดสี และ ปรับรูปจมูกให้มีความละมุนมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปลายจมูกที่ กลมสวย หรือ หยดน้ำ นั่นเอง
6.เสริมจมูกรองปลายหลังหู
คือ คล้ายกับการใช้เนื้อเยื่อเทียม เพียงแต่ จะใช้ กระดูกอ่อนหลังหูของคนไข้ นำมาเย็บกับซิลิโคน และใช้เสริมกับจมูก เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความเข้ากันได้ของจมูกกับกระดูกอ่อนของคนไข้ ช่วยลดความเสี่ยงการทะลุ และ นิ่มสวย ละมุนมากกว่าเนื้อเยื่อเทียม
สำหรับทั้ง 6 เทคนิคนี้จะถูกนำมาใช้กับคนไข้เคสใดบ้างนั้น จะขึ้นอยู่กับการประเมินและวางแผนผ่าตัดจากทีมแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งคนไข้จะได้รับการชี้แจงจากแพทย์เพื่อรับทราบก่อนเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะเป็นการ Consult และตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้ต่อไป
จุดเด่นของการเสริมจมูก กับ Solaris Clinic ที่ทุกคนต้องรู้!
จุดโดดเด่นของการเสริมจมูกที่ Solaria Clinic ของเรานั้น คือ แพทย์จะมีการใช้ Golden Ratio และเทคนิค SLR ที่เป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะ ซึ่งคนไข้จะได้รับประสบการณ์ที่หาได้ยากกับการเสริมจมูกแล้ว สามารถจบได้ในครั้งเดียวไม่ต้องไปแก้ หรือเปลี่ยนแกนใหม่ (ยกเว้น 2 กรณี คือ อุบัติเหตุที่ส่งผลให้จมูกผิดรูป หรือ คนไข้ต้องการเปลี่ยนทรงจมูก / เปลี่ยนลุคใบหน้าใหม่)
เนื่องด้วย Solaris Clinic ออกแบบและปรับรูปใบหน้าให้เข้ารับแบบเป็นธรรมชาติซึ่ง ซิลิโคนที่ทางคลินิคเลือกใช้นั้นสามารถอยู่ได้ตลอดชีพนั่นเอง
เสริมจมูกที่ Solaris Clinic เหมาะกับใครบ้าง?
แน่นอนว่า เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปใบหน้า หรือ จมูกมีปัญหา และต้องการแก้ไขให้เป็นปกติ และ สวยยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น…
- ฐานเบี้ยว
- จมูกเอียง
- ปีกจมูกที่หนา
- ต้องการเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความสวยงาม ให้ใบหน้าดูมีมิติ
ซึ่งกล่าวง่าย ๆ ว่า การเสริมจมูกกับคลินิกของเรานั้นเหมาะกับทุกคนที่ต้องการยกระดับองศาความงามของตัวให้ดียิ่งขึ้น
ทำไมต้องเสริมจมูก ที่ Solaris Clinic
เพราะเราใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ ลูกค้าจอง ไปจนถึงวันที่ทำ และ ยัง Follow up ทุกเคสอีก ตั้งแต่ 1-6 เดือนเพื่อให้ความสบายใจ และ ความปลอดภัย ทางคลินิกจะเตรียมความพร้อมให้พนักงานทุกคน สามารถรับคำปรึกษา และ รับปัญหาเบื้องต้นของคนไข้หลังทำ ส่งให้คุณหมอทราบ และแนวทางปฏิบัติ ดังนั้น เราจึงตอบได้เต็มเสียงว่า เราใส่ใจในทุกขั้นตอนหากถามเรื่องความสวย ความงามของงานศัลยกรรม ทางเราจะให้ทางคนไข้ ตัดสินและเลือกเราด้วยตนเอง
Solaris Clinic พร้อมบริการทั้ง 6 สาขา ได้แก่...
อุดรธานี ขอนแก่น โคราช กรุงเทพ(บางนา) ชลบุรี(อมตะ) อุบลราชธานี(ใหม่)