หนังตาเยอะทำยังไงดี? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่ผู้ประสบปัญหากำลังต้องการคำตอบกันอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า แม้หากมองเผิน ๆ แล้ว ปัญหาหนังตาเยอะ อาจไม่ได้ส่งผลอันตรายอะไรต่อสุขภาพในช่วงแรก แต่ต้องบอกก่อนว่าปัญหานี้ส่งผลต่อบุคลิกของผู้ประสบปัญหาได้อย่างโดยตรงและทำให้สูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตปะจำวันเป็นอย่างมากทีเดียว ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลาย ๆ คนจะมีคำถามนี้เพื่อแก้ไขปัญหาของตนเองให้ดีขึ้น
หนังตาเยอะทำยังไงดี ไม่อยากดูง่วงตลอดเวลา
เชื่อได้ว่าหลาย ๆ คนอาจเคยส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองดูง่วง เหนื่อยล้า หรือเหมือนคนไม่ได้นอน ทั้งที่ในความเป็นจริงพักผ่อนเพียงพอแล้ว ปัญหานี้อาจเกิดจาก “หนังตาเยอะ” ซึ่งส่งผลให้ดวงตาดูหม่นหมอง ขาดเสน่ห์ และขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของหนังตาเยอะ พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขอย่างตรงจุด ทั้งแบบธรรมชาติและเทคนิคทางการแพทย์ เพื่อให้ดวงตากลับมาดูสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

มาดูกันก่อน สาเหตุของหนังตาเยอะ มีอะไรบ้าง?
หนังตาเยอะไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลต่อความมั่นใจ บุคลิกภาพ และแม้กระทั่งการมองเห็นในบางกรณี โดยสาเหตุของหนังตาเยอะสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้…
ในบางคน หนังตาเยอะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด หรืออาจพบว่ามีสมาชิกในครอบครัวที่มีลักษณะหนังตาหนา หนังตาตก หรือมีชั้นตาซ้อนหลายชั้นตั้งแต่อายุน้อย โดยลักษณะนี้อาจไม่ส่งผลชัดเจนในวัยเด็ก แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยจะเริ่มเด่นชัดมากขึ้น ทำให้ดูเหมือนมี “หนังตาเยอะ” มากขึ้นในช่วงวัยกลางคนหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ โดยบริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่ผิวหนังบอบบางมาก จึงเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่าย ส่งผลให้หนังตาบนเริ่มตก และเกิดรอยย่นหรือหนังส่วนเกินพับซ้อนกัน ส่งผลให้ดวงตาดูเล็กลง เหนื่อยล้า และไม่สดใสนั่นเอง
ไลฟ์สไตล์บางอย่างในชีวิตประจำวันก็สามารถเร่งให้หนังตาหย่อนเร็วกว่าปกติได้ เช่น…
- นอนดึกเป็นประจำ : ทำให้ระบบฟื้นฟูผิวทำงานไม่เต็มที่
- ขยี้ตาบ่อย ๆ : การเสียดสีบริเวณเปลือกตาจะทำให้ผิวบริเวณนั้นหย่อนคล้อยเร็ว
- ใช้สายตากับหน้าจอนาน ๆ : ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเมื่อยล้า และการไหลเวียนของเลือดช้าลง ส่งผลให้เกิดการบวมและหนังตาหนัก
- ไม่ล้างเครื่องสำอางอย่างถูกวิธี : สะสมสิ่งตกค้างและเพิ่มโอกาสการอักเสบ
โดยในบางกรณี หนังตาเยอะอาจเกิดจากปัญหาทางการแพทย์ เช่น…
- ภาวะเปลือกตาตก : เป็นอาการที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาอ่อนแรง ทำให้หนังตาปิดลงมาเกินปกติ
- ภูมิแพ้เรื้อรัง : ส่งผลให้เกิดการบวมรอบดวงตาเรื้อรัง และเนื้อเยื่อรอบดวงตาหย่อนลง
- อาการบวมน้ำ : มักเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการกินเค็มเกินไป ซึ่งทำให้บริเวณรอบดวงตาดูบวมและหนังตาหนักมากขึ้น

หนังตาเยอะแก้ยังไงดี?
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องพึ่งพาวิธีทางการแพทย์
- พักผ่อนให้เพียงพอ : นอนวันละ 7–8 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวรอบดวงตาฟื้นฟูได้เต็มที่
- ลดการใช้สายตากับหน้าจอเป็นเวลานาน : ควรพักสายตาทุก 20 นาที โดยมองไกลประมาณ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรง ๆ : เพื่อลดการเสียดสีและความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบดวงตา
- ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ : เน้นส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอน วิตามินซี เปปไทด์ หรือคาเฟอีน เพื่อลดบวมและยกกระชับ
เป็นวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาหย่อนเพียงเล็กน้อย
- ประคบร้อนเย็นสลับกัน : ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดบวม และฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว
- นวดรอบดวงตาเบา ๆ : ใช้นิ้วนางนวดเบา ๆ เป็นวงกลมบริเวณใต้คิ้วและหางตา ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและลดอาการบวม
- มาส์กตาด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ : เช่น แตงกวา ที่ช่วยลดบวมและเพิ่มความชุ่มชื้น, ว่านหางจระเข้ ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและให้ความชุ่มชื้น และถุงชาคาโมมายล์ ซึ่งมีคุณสมบัติผ่อนคลายและลดการระคายเคือง เป็นต้น
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลชัดเจน รวดเร็ว และอยู่ได้นาน :ซึ่งมีหลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น…
- ทำตาสองชั้น : แก้ปัญหาชั้นตาไม่ชัด หนังตาตก หรือหนังตาปิดชั้นตา ให้ดวงตาดูโตและสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- เลเซอร์กระชับเปลือกตา : (เช่น โปรแกรม Ulthera หรือ โปรแกรม Thermage Eye) โดยจะเป็นการใช้คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยยกกระชับหนังตาอย่างไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีหนังตาหย่อนในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์บริเวณหน้าผากหรือหางตา : ลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงเปลือกตาลง ช่วยให้หนังตาดูยกขึ้น และลดรอยย่นบริเวณรอบตา
- ศัลยกรรมตัดหนังตาส่วนเกิน : เป็นการผ่าตัดนำหนังตาส่วนเกินและไขมันส่วนเกินออก เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาเยอะมากจนบดบังการมองเห็น หรือรู้สึกว่าหนังตาทำให้ดวงตาดูง่วงเสมอ
วิธีเลือกวิธีแก้หนังตาเยอะให้เหมาะกับตัวเอง ทำยังไง?
ช่วงวัยมีผลต่อความยืดหยุ่นของผิวและการฟื้นตัวหลังการรักษา เช่น…
- คนวัย 20–30 ปี อาจยังสามารถใช้วิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การฉีดโบท็อกซ์หรือเลเซอร์
- คนวัย 40 ปีขึ้นไป มักมีหนังตาหย่อนคล้อยตามธรรมชาติ อาจต้องพิจารณาวิธีผ่าตัดร่วมด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนานขึ้น
แต่ละวิธีมีค่าใช้จ่ายต่างกัน เช่น….
- การใช้ครีมบำรุงและมาส์กตา มีต้นทุนต่ำและเหมาะสำหรับการดูแลระยะยาว
- เลเซอร์กระชับผิวและโบท็อกซ์มีราคาปานกลาง เห็นผลเร็ว แต่ต้องทำซ้ำเป็นระยะ
- ศัลยกรรมตัดหนังตา เป็นวิธีที่ได้ผลชัดเจนและอยู่ได้นานที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องพักฟื้น
แม้จะมีข้อมูลให้ศึกษาได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการประเมินกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง หรือ จักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านความงาม จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ปลอดภัย ตรงจุด และเหมาะสมกับสภาพตาของคุณมากที่สุด ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
เสริมตาสองชั้น แก้ปัญหาหนังตาเยอะ ที่ Solaris Clinic
การเสริมคางที่โซลาริสคลินิกมีจุดเด่นที่โดดเด่นในการปรับโครงหน้าให้ดูสมดุลและเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงจะทำการประเมินรูปหน้าของแต่ละบุคคลอย่างละเอียดเพื่อออกแบบทรงคางที่เข้ากับโครงหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังใช้เทคนิคที่ทันสมัยและปลอดภัย เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเรียบเนียน ไม่เห็นรอยแผล ทำให้คางมีรูปทรงที่สวยงามและเข้ากับใบหน้าโดยรวมได้อย่างลงตัว การบริการที่ใส่ใจในรายละเอียดและการออกแบบเฉพาะบุคคล ทำให้การเสริมคางที่โซลาริสคลินิกตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงามและความมั่นใจในตนเอง




( รีวิว ตาสองชั้น จาก Solaris Clinic )