พิเศษ! โปรเสริมจมูกราคาพิเศษ 7,900 บาท

เจ็บปลายจมูก หลังเสริมจมูก หายได้เองไหม ทำไมต้องรีบไปพบแพทย์

“เจ็บปลายจมูก” อาการที่หลาย ๆ คนอาจกำลังเผชิญและมีความเป็นกังวลว่าอาการเจ็บที่เกิดขึ้นนี้สามารถหายเองได้หรือไม่ เป็นสัญญาณอันตรายหรือเปล่า โดยสำหรับใครที่เพิ่งเสริมจมูกมาไม่นาน อาการเจ็บปลายจมูกอาจเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในระยะหลังการผ่าตัด ซึ่งบางคนอาจไม่มั่นใจว่าอาการนี้จะหายไปเองหรือไม่ หรือมีความจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการตรวจเช็ก อย่างไรก็ตาม การรักษาและการดูแลหลังการเสริมจมูกอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในบทความนี้ Solaris Clinic จึงจะพาทุกคนมาศึกษาสาเหตุของอาการเจ็บปลายจมูก และเหตุผลว่าทำไมถึงควรรีบไปพบแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ เพื่อที่จะได้มีความระมัดระวังและสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมให้ได้มากที่สุดไปพร้อม ๆ กัน

เจ็บปลายจมูก หลังเสริม เป็นอาการปกติหรือไม่

สามารถหายเองได้หรือเปล่า หรือควรเข้าพบแพทย์โดยทันที?

หลังจากที่เสริมจมูกไปแล้ว หลายคนอาจรู้สึกเจ็บ “บริเวณปลายจมูก” ซึ่งเป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไปในช่วงแรกของการพักฟื้น โดยมักเกิดจากอาการบวมช้ำของเนื้อเยื่อและกระดูกอ่อนจากกระบวนการศัลยกรรม อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บปลายจมูกอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรือปัญหาจากการเคลื่อนตัวของซิลิโคน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

สิ่งสำคัญคือ การแยกแยะระหว่างอาการปกติที่สามารถหายได้เอง กับอาการที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหา ซึ่งหากมีอาการเจ็บมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น บวมแดงผิดปกติ หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ปลายจมูกเปลี่ยนสีหรือมีหนอง ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นและรักษาได้ทันท่วงที

เจ็บปลายจมูกหลังเสริมจมูก

เกิดจากอะไรได้บ้าง?

อาการเจ็บปลายจมูกหลังการเสริมจมูกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งอาจเป็นเพียงอาการปกติในช่วงพักฟื้น หรืออาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เข้าใจและรับมือกับอาการได้อย่างเหมาะสม

โดยเราสามารถแบ่งสาเหตุของอาการเจ็บปลายจมูกออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ อาการปกติที่สามารถหายได้เอง และ อาการที่อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้…

1. อาการเจ็บแบบปกติที่หายได้เอง

อาการเจ็บที่อยู่ในกลุ่มนี้มักเป็นผลข้างเคียงจากการผ่าตัด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยมีสาเหตุหลักดังนี้…

หลังการเสริมจมูก ร่างกายจะมีการตอบสนองโดยทำให้เกิดอาการบวมและช้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของการฟื้นฟูแผลผ่าตัด โดยเฉพาะบริเวณปลายจมูกที่มีเนื้อเยื่อบางและมีเส้นเลือดจำนวนมาก อาการเจ็บจากการบวมนี้มักจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง และจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1 เดือน
ในช่วงแรกหลังเสริมจมูก ร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับวัสดุที่ถูกเสริมเข้าไป อาจทำให้รู้สึกตึง เจ็บ หรือไม่สบายบริเวณปลายจมูก โดยเฉพาะเมื่อลองกดหรือสัมผัส อย่างไรก็ตาม หากไม่มีอาการบวมแดง หรือเจ็บรุนแรงเกินไป ถือว่าเป็นกระบวนการที่ปกติ และจะดีขึ้นเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้
ในช่วงพักฟื้น การสัมผัสจมูกบ่อย ๆ การใส่แว่น หรือการนอนตะแคง อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปลายจมูกได้ นอกจากนี้ การไอหรือจามแรง ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บได้เช่นกัน แต่อาการนี้มักเป็นเพียงชั่วคราว และไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของจมูก

2. อาการที่อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน

แม้ว่าการเจ็บปลายจมูกส่วนใหญ่จะเป็นอาการปกติ แต่อาการบางอย่างอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการในกลุ่มนี้ ควรเฝ้าสังเกตและรีบไปพบแพทย์ทันที
  • อาการ : ปวดปลายจมูกรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ บวมแดงผิดปกติ ร้อน อาจมีหนองไหลออกจากแผล หรือมีไข้ร่วมด้วย
  • สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณแผลผ่าตัด อาจเกิดจากการดูแลแผลที่ไม่สะอาด หรือร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • แนวทางแก้ไข : ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ หรือในบางกรณีอาจต้องทำการเปิดแผลระบายหนอง
  • อาการ : ปวดรุนแรงผิดปกติ ปลายจมูกซีด คล้ำ หรือม่วงเขียว อาจมีอาการแห้งและลอก
  • สาเหตุ : เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงบริเวณปลายจมูกไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากการใส่วัสดุเสริมที่มีขนาดใหญ่เกินไป หรือเทคนิคการผ่าตัดที่กระทบต่อหลอดเลือด
  • แนวทางแก้ไข : หากพบอาการนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายได้ และอาจต้องมีการผ่าตัดแก้ไข
  • อาการ : คนไข้อาจรู้สึกว่าจมูกผิดรูปไปเพราะซิลิโคนเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม กดแล้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขยับ หรือในกรณีรุนแรงอาจเห็นซิลิโคนดันผิวหนังบางออกมา
  • สาเหตุ : เกิดจากการที่ซิลิโคนไม่ได้ถูกยึดไว้อย่างเหมาะสม หรือมีแรงกระแทกที่จมูกจนทำให้เคลื่อนตัว รวมถึงกรณีที่เนื้อเยื่อจมูกบางเกินไปทำให้ซิลิโคนทะลุออกมา
  • แนวทางแก้ไข : หากรู้สึกว่าซิลิโคนเคลื่อนที่ผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อพิจารณาการผ่าตัดแก้ไข
  • อาการ : มีอาการปวดปลายจมูกตลอดเวลา มีอาการอักเสบเป็น ๆ หาย ๆ บวมผิดปกติแม้ผ่านไปหลายเดือน
  • สาเหตุ : บางคนอาจมีปฏิกิริยาต่อซิลิโคน หรือวัสดุเสริมจมูกอื่น ๆ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
  • แนวทางแก้ไข : หากพบว่ามีอาการอักเสบต่อเนื่อง ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวัสดุเสริมหรือไม่
อย่างไรก็ดี อาการเจ็บปลายจมูกหลังเสริมจมูกอาจเกิดได้จากทั้งสาเหตุปกติและภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง หากอาการเจ็บเป็นเพียงเล็กน้อยและดีขึ้นตามเวลา อาจไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก แต่หากมีอาการบวมแดงผิดปกติ ปวดรุนแรง หรือปลายจมูกเปลี่ยนสี ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที เพื่อให้จมูกของคุณสวยงามและปลอดภัยในระยะยาว

อาการแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์

หลังจากเสริมจมูก อาการเจ็บ บวม หรือรู้สึกตึงในช่วงแรกถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์อย่างเร่งด่วน การละเลยอาการเหล่านี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง และอาจส่งผลต่อรูปทรงของจมูกในระยะยาว

ซึ่งอาการที่เป็นสัญญาณว่าคนไข้ควรรีบเข้าพบแพทย์นั้น มักประกอบด้วย…

อาการปวดที่ค่อย ๆ ลดลงถือเป็นเรื่องปกติหลังผ่าตัด แต่หากพบว่าอาการปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือยังรู้สึกปวดมากแม้ผ่านไปหลายวัน อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือติดเชื้อ
อาการบวมเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติหลังเสริมจมูก แต่หากอาการบวมแดงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกอุ่น หรือมีไข้ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษาทันที ในกรณีที่มีของเหลวสีเหลืองขุ่น หรือหนองไหลออกมาจากแผล ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจเป็นอาการของการติดเชื้อที่ลุกลาม
หรือมีลักษณะผิดปกติ เนื้อเยื่อที่ขาดเลือดอาจทำให้ปลายจมูกมีสีคล้ำขึ้น หรือกลายเป็นสีม่วง น้ำเงิน หรือดำ ซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย เพราะอาจนำไปสู่เนื้อตาย (necrosis) ได้ หากพบว่าผิวบริเวณปลายจมูกเริ่มมีการเปลี่ยนสี ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ
หากรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติภายในจมูก เช่น ซิลิโคนเคลื่อนตัว ทำให้รูปทรงจมูกดูเบี้ยวผิดปกติ หรือรู้สึกว่าซิลิโคนกำลังดันผิวหนังจากด้านใน ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยไว้ อาจเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุออกมาผ่านผิวหนัง ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นสัญญาณอันตราย หากพบอาการเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การดูแลปัญหาได้เร็วจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

การดูแลตัวเองเบื้องต้นก่อนพบแพทย์

หากมีอาการผิดปกติแต่ยังไม่สามารถไปพบแพทย์ได้ทันที การดูแลตัวเองเบื้องต้นสามารถช่วยลดอาการบวมและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงขึ้นได้ โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้…

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบีบจมูกแรง ๆ

เพราะการสัมผัสหรือกดจมูกแรง ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบและทำให้ซิลิโคนขยับผิดตำแหน่ง หากรู้สึกคันหรือระคายเคืองบริเวณจมูก ควรใช้วิธีลูบเบา ๆ รอบ ๆ บริเวณนั้นแทนการเกาโดยตรง เพื่อลดการกระตุ้นเนื้อเยื่อและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

2. ใช้เจลเย็นหรือประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม

ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด สามารถใช้เจลเย็นหรือถุงน้ำแข็งที่ห่อด้วยผ้าสะอาดประคบบริเวณรอบ ๆ จมูก โดยควรหลีกเลี่ยงการวางน้ำแข็งโดยตรงบนผิวหนัง เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากความเย็นจัด ควรประคบครั้งละ 10-15 นาที แล้วเว้นช่วง 30 นาทีก่อนทำซ้ำ วิธีนี้ช่วยลดอาการบวมและชะลอการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. นอนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม

การนอนในท่าศีรษะสูงกว่าระดับปกติจะช่วยให้ของเหลวในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการบวมที่ปลายจมูก ควรใช้หมอนรองศีรษะให้สูงกว่าปกติ หรือนอนในท่ากึ่งนั่งเพื่อป้องกันการกดทับบริเวณจมูก นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า เนื่องจากอาจทำให้เกิดแรงกดที่จมูกและส่งผลให้ซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งได้

4. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ

อาหารบางประเภทอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและทำให้แผลหายช้าลง จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า กิมจิ และผักดอง เนื่องจากอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่กระตุ้นการอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด หรือเปรี้ยวจัด เพราะอาจกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบ นอกจากนี้ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น อีกทั้งอาหารทะเลหรืออาหารที่มีแนวโน้มทำให้เกิดอาการแพ้ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะอาจส่งผลต่อแผลผ่าตัดและทำให้เกิดอาการอักเสบ

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ

การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากช่วยให้ร่างกายขับของเสียและลดการอักเสบได้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น ผักใบเขียวอย่างคะน้าและผักโขม ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง และมะเขือเทศ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น นอกจากนี้ ควรรับประทานปลาที่มีโอเมก้า 3 เช่น แซลมอนและปลาทูน่า เนื่องจากช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อและส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูแผลให้เร็วขึ้น

6. หลีกเลี่ยงการออกแรงหนักและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทก

การออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก เช่น การวิ่ง การยกของหนัก หรือการว่ายน้ำ ควรหลีกเลี่ยงในช่วงพักฟื้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดแรงกดที่จมูกและเสี่ยงต่อการอักเสบ นอกจากนี้ กิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทกบริเวณใบหน้า เช่น การเล่นกีฬาที่มีการปะทะ ก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่แผลยังไม่หายดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้จมูกหายเร็วขึ้น หากอาการผิดปกติยังคงอยู่ ควรไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

และท้ายที่สุด ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า การเจ็บปลายจมูกหลังการเสริมจมูก นั้นเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด และบางครั้งอาจหายไปเองตามระยะเวลา แต่หากอาการเจ็บไม่ลดลงหรือมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น บวมแดง หรือมีการติดเชื้อ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจสอบและการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องหลังการเสริมจมูก รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยของคนไข้ทุกคน

( รีวิว เสริมจมูก จาก Solaris Clinic )

เสริมจมูก ที่ Solaris Clinic

เพราะเราใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ ลูกค้าจอง ไปจนถึงวันที่ทำ และ ยัง Follow up ทุกเคสอีก ตั้งแต่ 1-6 เดือนเพื่อให้ความสบายใจ และ ความปลอดภัย ทางคลินิกจะเตรียมความพร้อมให้พนักงานทุกคน สามารถรับคำปรึกษา และ รับปัญหาเบื้องต้นของคนไข้หลังทำ ส่งให้คุณหมอทราบ และแนวทางปฏิบัติ ดังนั้น เราจึงตอบได้เต็มเสียงว่า เราใส่ใจในทุกขั้นตอนหากถามเรื่องความสวย ความงามของงานศัลยกรรม ทางเราจะให้ทางคนไข้ ตัดสินและเลือกเราด้วยตนเอง

Solaris Clinic พร้อมบริการทั้ง 6 สาขา ได้แก่...

อุดรธานี ขอนแก่น โคราช กรุงเทพ(บางนา) ชลบุรี(อมตะ) อุบลราชธานี(ใหม่)

บทความล่าสุด

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.