การเสริมจมูก (Rhinoplasty) ถือเป็นศัลยกรรมความงามยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของคนไทยและทั่วโลก เพราะจมูกคือจุดกึ่งกลางของใบหน้า มีผลอย่างมากต่อความสมดุลและความมั่นใจ ปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกพัฒนาไปไกล ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ เทคนิคการผ่าตัด รวมถึงการออกแบบทรงให้เข้ากับใบหน้าเฉพาะบุคคล บทความนี้ Solaris Clinic จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า เสริมจมูกคืออะไร มีวิธีทำกี่แบบ ข้อดีข้อเสียแต่ละวิธี รวมถึงทรงจมูกที่มาแรงในปี 2025
เสริมจมูกคืออะไร?
เสริมจมูก (Rhinoplasty หรือ Nose Augmentation) คือการผ่าตัดตกแต่งหรือปรับโครงสร้างจมูก เพื่อเพิ่มความโด่ง ความคมชัด ปรับรูปทรงปลายจมูก หรือแก้ไขข้อบกพร่อง เช่น จมูกสั้น จมูกบาน จมูกเอียง หรือมีฮัมพ์ โดยวัตถุประสงค์ของการเสริมจมูกอาจมีทั้งด้านความสวยงามและการแก้ไขปัญหาการหายใจ
การเสริมจมูกจะใช้ทั้ง วัสดุสังเคราะห์ (เช่น ซิลิโคน) หรือ วัสดุจากร่างกายตัวเอง (เช่น กระดูกอ่อนจากหลังหู) ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพจมูกและความต้องการของแต่ละคน
ประเภทของการเสริมจมูก และทรงจมูกยอดนิยมปี 2025
ปัจจุบันการเสริมจมูกไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่แบ่งออกได้หลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับโครงสร้างจมูกเดิม ความต้องการของคนไข้ และประสบการณ์ของศัลยแพทย์ การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและปลอดภัยที่สุด
1. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
วิธีการ
ศัลยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กซ่อนอยู่ภายในรูจมูก แล้วใส่วัสดุเสริม เช่น ซิลิโคน เพื่อเพิ่มสันจมูกโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังด้านนอก
ข้อดี
- ไม่มีแผลเป็นภายนอก – เนื่องจากแผลซ่อนอยู่ด้านใน จึงไม่ทิ้งร่องรอยการผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องความเป็นธรรมชาติ
- ฟื้นตัวเร็ว บวมช้ำน้อย – เพราะเป็นการผ่าตัดเล็กที่ไม่รบกวนโครงสร้างมาก คนไข้มักใช้เวลาเพียง 5–7 วันในการพักฟื้น
- ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน – เหมาะกับคนที่ไม่อยากใช้เวลาพักฟื้นนาน เช่น คนทำงานหรือมีเวลาจำกัด
- เหมาะสำหรับการปรับเล็กน้อย – เช่น เพิ่มสันจมูกให้สูงขึ้น แต่ไม่เปลี่ยนรูปทรงทั้งหมด
ข้อจำกัด
- แก้ไขเคสซับซ้อนไม่ได้ – หากโครงสร้างจมูกคด เบี้ยว สั้น หรือปลายเชิดเกินไป วิธีนี้ไม่เพียงพอ
- ไม่เหมาะสำหรับการแก้จมูกครั้งใหญ่ – เพราะไม่สามารถปรับแต่งภายในได้ละเอียด
2. เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
วิธีการ
ศัลยแพทย์จะเปิดแผลเล็กที่ฐานจมูก (Columella) แล้วยกผิวหนังขึ้นเพื่อเห็นโครงสร้างทั้งหมด สามารถปรับแต่งได้ทั้งสันและปลายจมูก
ข้อดี
- มองเห็นโครงสร้างชัดเจน – ทำให้แพทย์ทำงานได้ละเอียดและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
- แก้เคสซับซ้อนได้ – เหมาะกับเคสที่มีจมูกเบี้ยว เอียง สั้น หรือเคสแก้จมูกจากที่อื่น
- ปรับได้หลายตำแหน่ง – ทั้งสันจมูก ปลายจมูก ฐานปีกจมูก และโครงสร้างภายใน
ข้อจำกัด
- พักฟื้นนานกว่าแบบปิด – เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดและเปิดกว้างกว่า
- อาจมีแผลเป็นเล็กน้อย – ที่ฐานจมูก แต่ส่วนใหญ่จะจางลงจนแทบไม่เห็นเมื่อเวลาผ่านไป
3. เสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Rhinoplasty)
วิธีการ
เปิดแผลเล็กภายในรูจมูกทั้งสองข้าง ทำให้ศัลยแพทย์มองเห็นและปรับแต่งโครงสร้างได้มากกว่าแบบปิด แต่ไม่ถึงกับเปิดกว้างเหมือนแบบ Open
ข้อดี
- ปรับแต่งได้มากกว่า Close – สามารถปรับสันและปลายให้พุ่งขึ้น โดยไม่ต้องเปิดผ่าตัดเต็มรูปแบบ
- ลดแรงตึงของเนื้อจมูก – เหมาะสำหรับผู้ที่เนื้อบางและต้องการปลายพุ่งสวย
- พักฟื้นไวกว่า Open – เพราะบาดแผลเล็กกว่า
ข้อจำกัด
- ยังไม่ละเอียดเท่า Open – หากโครงสร้างซับซ้อนมาก อาจยังไม่ตอบโจทย์
- เหมาะกับการปรับปานกลาง – ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขครั้งใหญ่
4. เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อน (Cartilage Grafting)
วัสดุที่ใช้
กระดูกอ่อนจากร่างกาย เช่น หลังหู ซี่โครง หรือผนังกั้นจมูก
ข้อดี
- ดูเป็นธรรมชาติสูง – เพราะใช้เนื้อจากร่างกายตัวเอง เนื้อสัมผัสใกล้เคียงจริง
- ลดความเสี่ยงการทะลุของซิลิโคน – โดยเฉพาะในเคสที่เนื้อปลายน้อย
- ปลอดภัยและอยู่ได้นาน – ไม่ถูกปฏิเสธจากร่างกาย
ข้อจำกัด
- ต้องมีแผลเพิ่ม – เช่น แผลหลังหูหรือซี่โครงจากการนำกระดูกอ่อนมาใช้
- ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า – เพราะมีขั้นตอนมากขึ้น
- อาจมีอาการเจ็บบริเวณที่นำกระดูกอ่อน – แม้จะไม่รุนแรงและหายเร็ว
5. เทคนิคพิเศษ (เช่น SLR – Solaris Technique)
รายละเอียด
เป็นเทคนิคเฉพาะของบางคลินิก เช่น SLR (Solaris Rhinoplasty) ซึ่งออกแบบตาม Golden Ratio ของใบหน้า
ข้อดี
- ออกแบบเฉพาะบุคคล – ศัลยแพทย์จะวิเคราะห์สัดส่วนหน้าก่อนเสริม
- ปรับได้ทั้งฐานถึงปลาย – ทำให้จมูกได้สัดส่วนสมดุลพอดีกับรูปหน้า
- สวยแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ – ไม่แข็งทื่อหรือโป๊ะเกินไป
- เหมาะกับทั้งเคสแรกและเคสแก้ – ปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ
วัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูก
1. ซิลิโคน (Silicone Implant)
ซิลิโคนถือเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูกมากที่สุดในประเทศไทยและทั่วโลก เนื่องจากมีหลายเกรดให้เลือก ตั้งแต่แบบสำเร็จรูปที่ทำมาเป็นขนาดมาตรฐาน ไปจนถึงแบบซิลิโคนเหลาที่ศัลยแพทย์ปรับแต่งขึ้นมาเฉพาะบุคคลเพื่อให้เข้ากับโครงหน้าของแต่ละคนโดยตรง จุดเด่นของซิลิโคนคือฟื้นตัวเร็ว บวมช้ำน้อย ราคาไม่สูงจนเกินไป จึงเข้าถึงได้ง่าย และที่สำคัญยังสามารถอยู่ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแก้บ่อย ๆ ทำให้เป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสันจมูกให้ชัดขึ้น
2. กระดูกอ่อน (Autologous Cartilage)
กระดูกอ่อนจากร่างกายตัวเอง เช่น หลังหู ซี่โครง หรือผนังกั้นจมูก เป็นอีกหนึ่งวัสดุยอดนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มที่กังวลเรื่องความปลอดภัยสูงสุดและต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ จุดแข็งคือร่างกายไม่เกิดการต่อต้าน เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อจากตัวเอง จึงแทบไม่มีโอกาสแพ้ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการทะลุที่บางครั้งอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ซิลิโคน เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่มีเนื้อปลายน้อย ต้องการเสริมปลายให้ยาวขึ้น หรือผู้ที่เคยมีปัญหาการทะลุซิลิโคนมาก่อน
3. กระดูกเทียม (Medpor, Gore-Tex)
กระดูกเทียมหรือวัสดุชีวภาพ เช่น Medpor และ Gore-Tex เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ถูกออกแบบมาให้เกาะติดกับเนื้อเยื่อได้อย่างแนบแน่น ลดโอกาสการเคลื่อนตัวหลังเสริม และให้ความรู้สึกสัมผัสที่เป็นธรรมชาติมากกว่าซิลิโคน วัสดุเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ศัลยแพทย์สามารถปรับแต่งให้เข้ากับโครงสร้างจมูกได้ดี แต่ด้วยคุณสมบัติที่พรีเมียม ราคาจึงค่อนข้างสูงกว่าวัสดุทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและไม่อยากแก้จมูกบ่อย
5 ทรงจมูกยอดนิยมปี 2025
1. ทรงสโลปปลายพุ่ง (Slope Nose with Pointed Tip)
ลักษณะ : มีสันจมูกโค้งเล็กน้อย ไล่ระดับอย่างนุ่มนวลจากหว่างคิ้วไปจนถึงปลายจมูกที่พุ่งออกมาอย่างละมุน ไม่แข็งทื่อเกินไป ทำให้ได้ความเป็นธรรมชาติและไม่ดูหลอกตา
เหมาะกับ : คนที่มีใบหน้าเรียวยาวหรือรูปไข่ เพราะช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า และทำให้สัดส่วนดูสมดุลมากยิ่งขึ้น
จุดเด่น : ช่วยให้ใบหน้าดูหวานและละมุนขึ้นทันทีหลังทำ ให้ความรู้สึกธรรมชาติ ไม่ดูเป็นงานศัลยกรรมจนเกินไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความมั่นใจโดยไม่ให้ใครจับได้ว่าไปทำมา
2. ทรงหยดน้ำ (Teardrop Nose)
ลักษณะ : ปลายจมูกโค้งมนและกลมเล็กน้อย คล้ายกับหยดน้ำ ทำให้รูปทรงดูอ่อนโยนและละมุน
เหมาะกับ : ผู้หญิงที่มีใบหน้าเรียบ ๆ หรือผู้ที่อยากได้ลุคหวาน ดูเป็นมิตร และช่วยปรับบุคลิกให้ดูอ่อนโยนมากขึ้น
จุดเด่น : ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงและมีความซอฟต์ขึ้นทันทีหลังทำ เข้ากับใบหน้าเกือบทุกรูปแบบ จึงเป็นทรงที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง เหมาะสำหรับคนที่อยากให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับตัวเองได้ง่ายที่สุด
3. ทรง Princess Nose
ลักษณะ : มีสันจมูกสูงพอสมควร ไล่ลงมาถึงปลายที่พุ่งเล็กน้อย แต่ไม่แข็งหรือแหลมจนเกินไป ให้ความรู้สึกหรูหราและมีมิติ
เหมาะกับ : ผู้ที่อยากได้ลุคหรู ดูแพง โดยเฉพาะคนที่ทำงานสายแฟชั่น ดารา นางแบบ หรือคนที่ต้องออกงานบ่อย ๆ เพราะทรงนี้ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูโดดเด่นและมั่นใจยิ่งขึ้น
จุดเด่น : ทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์และโดดเด่นในทุกมุมมอง เหมาะสำหรับคนที่อยากยกระดับลุคให้ดูหรูหรา มีสไตล์ และสะท้อนถึงความมั่นใจในตัวเอง
4. ทรง Natural Korean Style
ลักษณะ : มีสันจมูกไม่สูงมากนัก ไล่ระดับพอดี และปลายเชิดเล็กน้อย ทำให้ดูสดใสและอ่อนหวานแบบสาวเกาหลี
เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะจนเกินไป เหมาะสำหรับวัยรุ่น วัยนักศึกษา หรือวัยทำงานที่อยากให้จมูกดูสวยรับกับใบหน้าโดยรวม
จุดเด่น : ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนโยนและสุภาพ ใช้ได้กับหลายโอกาสในชีวิตประจำวัน เหมาะกับคนที่อยากดูสวยใสโดยไม่ต้องปรับโครงหน้ามากนัก และยังเป็นทรงที่แต่งหน้าง่าย เข้ากับทุกสไตล์
5. ทรงพุ่งสายฝอ (Sharp Nose / Western Style)
ลักษณะ : สันจมูกสูงและคมชัด ปลายเชิดขึ้นอย่างมีมิติ ทำให้ใบหน้าดูคมเข้มและมีเสน่ห์แบบอินเตอร์
เหมาะกับ : คนที่ต้องการลุคคมชัด โฉบเฉี่ยว แต่งหน้าได้หลายสไตล์ โดยเฉพาะสายแฟชั่นหรือสายฝอที่ชอบลุคสวยแซ่บแบบตะวันตก
จุดเด่น : ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและโดดเด่นชัดเจน เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนลุคแบบชัดเจนจากเดิม ให้ผลลัพธ์ที่ดูมั่นใจและเซ็กซี่แบบอินเตอร์
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก
- ตรวจสุขภาพและประวัติการแพ้ยา
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไป เช่น ตรวจเลือด ความดันโลหิต หรือโรคประจำตัวต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ เช่น การแพ้ยาชา ยาสลบ หรือยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด - งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มีผลโดยตรงต่อการไหลเวียนเลือด ทำให้แผลหายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ ดังนั้นควรงดทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นและผลลัพธ์ออกมาสวยสมบูรณ์ - งดยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
ยากลุ่มนี้อาจทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยากขณะผ่าตัด หากจำเป็นต้องใช้ยาประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอเพื่อให้แพทย์วางแผนอย่างเหมาะสม
ปรึกษาแพทย์เพื่อออกแบบทรงให้เข้ากับใบหน้า
การพูดคุยกับศัลยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้เข้าใจว่าทรงแบบไหนเหมาะกับโครงหน้า ลักษณะผิว และความต้องการส่วนตัว ทั้งยังสามารถดูตัวอย่างก่อน–หลังการทำศัลยกรรม เพื่อเปรียบเทียบและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
การดูแลหลังเสริมจมูก
- ประคบเย็น 48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดบวม
หลังผ่าตัดจะเกิดอาการบวมและช้ำ การประคบเย็นบริเวณรอบ ๆ จมูก เช่น หน้าผากหรือแก้ม จะช่วยหดหลอดเลือด ลดอาการจมูกบวมแดงและปวดได้ ควรทำเป็นระยะ ครั้งละ 15–20 นาที - นอนยกศีรษะสูง
การนอนหนุนหมอนสูง 2–3 ใบ หรือปรับเตียงให้นอนในท่าศีรษะสูง จะช่วยลดแรงดันเลือดบริเวณใบหน้า ทำให้อาการบวมลดลงเร็วขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับที่จมูก - หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เค็ม และแอลกอฮอล์
อาหารรสจัดหรือเค็มเกินไปทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ส่งผลให้บวมมากขึ้น ส่วนแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดไหลเวียนเร็วและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรรับประทานอาหารอ่อน รสไม่จัด เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ผักต้ม ผลไม้ย่อยง่าย เพื่อช่วยให้แผลสมานเร็ว - ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ
หากมีเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกมา ควรใช้สำลีสะอาดชุบน้ำเกลือเช็ดเบา ๆ หลีกเลี่ยงการเช็ดแรง ๆ เพราะอาจทำให้แผลอักเสบและหายช้า - งดออกกำลังกายหนัก 1 เดือน
การออกแรงมาก เช่น วิ่ง ยกของหนัก หรือเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการกระแทก อาจทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ทำให้แผลบวมและช้ำได้ง่าย ควรงดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ แต่สามารถเดินเบา ๆ ได้เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด - พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
การตรวจติดตามผลหลังการผ่าตัดช่วยให้แพทย์เช็กความเรียบร้อยของแผล ตรวจอาการบวมผิดปกติ รวมถึงให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล หากละเลยการตรวจ อาจพลาดการแก้ไขปัญหาที่ควรรีบรักษา
ทำไมต้องเสริมจมูกที่ Solaris Clinic
- ทีมแพทย์ศัลยกรรมผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง
- วัสดุคุณภาพ มาตรฐานสากล
- มีเทคนิคเฉพาะ เช่น SLR (Solaris Rhinoplasty) ที่ออกแบบให้เข้ากับ Golden Ratio
- ดูแลใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกจนถึงการ Follow up 6 เดือน
- พร้อมบริการครบ 6 สาขาใกล้คุณ: อุดรธานี, ขอนแก่น, โคราช, กรุงเทพฯ (บางนา), ชลบุรี (อมตะ), อุบลราชธานี (ใหม่)
สรุป
การเสริมจมูกไม่ใช่แค่การทำให้โด่งขึ้น แต่คือการออกแบบให้สมดุลกับใบหน้า เพิ่มความมั่นใจ และแก้ไขปัญหาจมูกต่าง ๆ ปัจจุบันมีหลายเทคนิค ทั้งแบบปิด แบบเปิด และแบบเฉพาะที่พัฒนาขึ้น เช่น SLR ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับปี 2025 เทรนด์ทรงจมูกที่มาแรง ได้แก่ ทรงสโลปปลายพุ่ง ทรงหยดน้ำ และทรง Natural Korean Style ที่เน้นความละมุนและเข้ากับโครงหน้า หากคุณกำลังมองหาที่เสริมจมูก การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือสิ่งสำคัญที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก
Q: เสริมจมูกแบบไหนดีสุดระหว่าง Open, Close และกระดูกอ่อน?
A: ไม่มีแบบไหนดีที่สุดตายตัว ขึ้นอยู่กับโครงสร้างจมูกเดิมและปัญหาของแต่ละคน
- ถ้าอยากปรับเล็กน้อย แผลน้อย ฟื้นตัวไว → เหมาะกับ Closed Rhinoplasty
- ถ้าเป็นเคสแก้จมูก หรือมีโครงสร้างซับซ้อน เช่น จมูกคด เบี้ยว สั้น → แนะนำ Open Rhinoplasty
- ถ้าเนื้อปลายน้อย กังวลเรื่องซิลิโคนทะลุ → เหมาะกับ Cartilage Grafting ที่ใช้กระดูกอ่อนตัวเอง
Q: เสริมจมูกใช้ซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนดีกว่ากัน?
A: ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย
- ซิลิโคน → นิยมที่สุด ราคาไม่สูง ฟื้นตัวไว เหมาะกับคนที่ต้องการสันคมชัด
- กระดูกอ่อนตัวเอง → ปลอดภัยสูง ดูธรรมชาติ ลดความเสี่ยงทะลุ แต่ต้องเจ็บเพิ่มจากจุดที่เอากระดูกอ่อน
- กระดูกเทียม เช่น Gore-Tex, Medpor → ติดแน่นกับเนื้อเยื่อ ให้สัมผัสเป็นธรรมชาติ แต่ราคาสูงกว่า
Q: เสริมจมูกครั้งแรกควรเลือกทรงไหนดี ปี 2025 เทรนด์คืออะไร?
A: ปี 2025 เทรนด์มาแรงคือทรงที่ดูละมุน ธรรมชาติ เข้ากับรูปหน้า เช่น
- ทรงสโลปปลายพุ่ง → ละมุน ไม่แข็ง ดูหวาน
- ทรงหยดน้ำ → ปลายมนกลม หน้าเด็กลง
- Natural Korean Style → สันไม่สูงมาก ปลายเชิดเล็กน้อย ดูใส ๆ
- ถ้าอยากได้ลุคแฟชั่น โฉบเฉี่ยว → ทรง Princess Nose หรือ Sharp Nose สายฝอ
Q: เสริมจมูกกี่วันหาย? กี่เดือนถึงเข้าที่สวย?
A:
- 2–3 วันแรก → บวมชัด
- 1–2 สัปดาห์ → บวมลดลง ช้ำเริ่มหาย
- 1 เดือน → เริ่มเป็นทรงชัดเจน
- 3–6 เดือน → ทรงเข้าที่ สวยสมบูรณ์
Q: เสริมจมูกอันตรายไหม?
A: หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกมาตรฐาน ปลอดภัยสูงมาก แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น บวมช้ำ ติดเชื้อ ซิลิโคนทะลุ หรือเบี้ยวเอียง ซึ่งสามารถลดได้ด้วยการเลือกเทคนิคและวัสดุที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
Q: เสริมจมูกครั้งแรกอยู่ได้นานกี่ปี ต้องแก้ไหม?
A:
- ถ้าใช้ ซิลิโคนคุณภาพสูง และแพทย์เหลาตามโครงหน้า → อยู่ได้หลายปีหรือเกิน 10 ปี
- ถ้าใช้ กระดูกอ่อนตัวเอง → อยู่ได้ถาวรกว่า ปลอดภัยสูง
- อย่างไรก็ตาม จมูกอาจต้องแก้หากเกิดการเปลี่ยนแปลงของผิว เนื้อเยื่อ หรืออยากเปลี่ยนทรงใหม่
Q: เสริมจมูกที่ไหนดี ให้ได้ผลลัพธ์สวยและปลอดภัย?
A: ควรเลือกคลินิกที่มีคุณสมบัติครบ 3 ข้อหลัก คือ
- แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม ที่มีประสบการณ์สูง
- วัสดุคุณภาพมาตรฐานสากล ผ่านการรับรอง
- การดูแลหลังผ่าตัดต่อเนื่อง เช่น Follow up 1–6 เดือน