“ท่านอนหลังเสริมจมูก” ปัจจัยสำคัญที่หลาย ๆ คนมองข้าม
หากนอนผิดท่า ทรงจมูกอาจไม่สวยตามที่คิด!

ท่านอนที่ปลอดภัยหลังการเสริมจมูก
1. นอนหงาย – ท่าที่ดีที่สุดสำหรับการฟื้นตัว
หลังจากเสริมจมูกแล้ว การนอนหงายเป็นท่านอนที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากช่วยลดแรงกดทับบริเวณจมูก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดการบวมมากขึ้น นอกจากนี้ การนอนหงายยังช่วยให้ของเหลวในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดการคั่งของน้ำเหลือง ซึ่งช่วยให้การบวมลดลงเร็วขึ้น และยังช่วยให้ทรงจมูกอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ควรใช้หมอนรองศีรษะให้สูงขึ้นประมาณ 30-45 องศา หรือใช้หมอน 2-3 ใบซ้อนกัน
เพื่อช่วยยกศีรษะให้สูงขึ้น - หากกังวลว่าจะเผลอตะแคงขณะนอน สามารถใช้ หมอนข้างรองบริเวณลำตัว
เพื่อช่วยพยุงร่างกายไม่ให้พลิกตัวไปด้านข้าง - ใช้หมอนรองคอรูปตัวยู ( เช่น หมอนที่ใช้เดินทาง )
เพื่อช่วยพยุงศีรษะและลดโอกาสที่ศีรษะจะเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
- หลีกเลี่ยงการใช้หมอนสูงเกินไป เพราะอาจทำให้คอและจมูกอยู่ในตำแหน่งที่ผิดธรรมชาติ ส่งผลให้รู้สึกไม่สบายและอาจทำให้จมูกได้รับแรงกด
- หลีกเลี่ยงการใช้หมอนที่แข็งหรือมีพื้นผิวไม่เรียบ เพราะอาจทำให้ศีรษะเคลื่อนที่ขณะนอนหลับ
2. หลีกเลี่ยงท่านอนตะแคง
- ทำให้จมูกเกิดแรงกดทับ ส่งผลให้ทรงจมูกผิดรูป
- อาจทำให้เกิดอาการบวมไม่สมดุล ( บวมข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป )
- อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณจมูกหรือใบหน้า เพราะโครงสร้างยังไม่แข็งแรง
- หากเป็นคนนอนดิ้น ควรใช้ หมอนข้างพิงทั้งสองด้านของร่างกาย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้พลิกตัวขณะหลับ
- หากจำเป็นต้องนอนตะแคง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และแนะนำให้นอนหงายไปอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์แรก จนกว่าจมูกจะเข้าที่
3. หลีกเลี่ยงท่านอนคว่ำโดยเด็ดขาด
- แรงกดทับจากหมอนอาจทำให้จมูกบวมหนักขึ้น
- มีโอกาสที่โครงสร้างภายในจะได้รับแรงกดและทำให้เกิดการเคลื่อนตัว
- อาจทำให้หายใจลำบากและเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบ
- หากมีพฤติกรรมเผลอนอนคว่ำขณะหลับ ควร ใช้หมอนข้างวางรอบตัว หรือใช้ หมอนทรง C หรือ U มาช่วยพยุงศีรษะ
- สามารถใช้หมอนหนุนที่มีขนาดพอดีและรองรับศีรษะให้ดี เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของร่างกายขณะนอน
เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้การนอนปลอดภัยและสบายขึ้น…
- ใช้หมอนเมมโมรี่โฟมหรือหมอนที่มีความนุ่มพอเหมาะ เพื่อรองรับศีรษะและลดแรงกดบริเวณคอ
- หลีกเลี่ยงการนอนบนที่นอนที่นิ่มเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายจมลงและส่งผลให้ศีรษะเคลื่อนไหวมากขึ้น
- หากกังวลเรื่องอาการบวม สามารถใช้ เจลประคบเย็น บริเวณหน้าผากหรือรอบดวงตาก่อนนอน เพื่อช่วยลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา ทุกคนจะเห็นได้แล้วว่า ท่านอนหลังการเสริมจมูกมีผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวและรูปทรงของจมูกในระยะยาว การนอนหงายโดยใช้หมอนรองศีรษะให้สูงขึ้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ส่วนการนอนตะแคงและนอนคว่ำควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้จมูกเสียรูปหรือบวมมากขึ้นได้ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น และคงผลลัพธ์ของการเสริมจมูกให้สวยเหมาะสมกับใบหน้าได้ยาวนานมากขึ้น
ข้อควรระวังในการนอนหลังการเสริมจมูก
- หลีกเลี่ยงการนอนท่าที่มีแรงกดทับกับจมูก : ท่านอนที่มีแรงกดทับโดยตรงกับจมูก เช่น การนอนหนุนหมอนสูงเกินไปหรือการนอนในท่าที่จมูกสัมผัสกับหมอน ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด
- ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ : คำแนะนำของแพทย์จะมีความสำคัญในการฟื้นตัว หลังการเสริมจมูก เพราะแต่ละกรณีอาจมีข้อจำกัดหรือระยะเวลาที่แตกต่างกัน
ระยะเวลาที่ควรปฏิบัติตามท่านอนที่ปลอดภัย
ต้องระมัดระวังนานแค่ไหน?
เคล็ดลับการดูแลแผลและผลลัพธ์กำลังฟื้นฟู
นอกจากการนอนในท่าที่ถูกต้องแล้ว การดูแลตัวเองหลังการเสริมจมูกยังต้องคำนึงถึงอีกหลายด้าน เช่น…
- การประคบเย็น : การประคบเย็นสามารถช่วยลดการบวมได้ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ : ในช่วงแรกควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพราะอาจทำให้บวมและชะลอการฟื้นตัว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูก : ห้ามบีบหรือสัมผัสจมูกเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือทำให้จมูกเสียรูป


( รีวิว เสริมจมูก จาก Solaris Clinic )
การดูแลตัวเองเพิ่มเติมในช่วงพักฟื้นหลังเสริมจมูก
ทั้งนี้ นอกจากการนอนในท่าที่ถูกต้องที่ได้กล่าวมาแล้ว การดูแลตัวเองในช่วงฟื้นฟูหลังเสริมจมูกเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การบวมลดลงเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และทำให้ทรงจมูกอยู่ได้นานขึ้น การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งสามารถทำตามได้โดยการ…
1. การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
หลังการเสริมจมูก อาการบวมและรอยช้ำรอบจมูกและใต้ตาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็นอย่างถูกวิธี
- ช่วงเวลาในการประคบเย็น : ควรประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัด เพราะเป็นช่วงที่อาการบวมจะเริ่มแสดงออกมา
- ตำแหน่งที่ควรประคบ : วางเจลประคบเย็นบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และแก้ม หลีกเลี่ยงการกดทับโดยตรงที่จมูก
- อุปกรณ์ที่ใช้ : ใช้เจลประคบเย็นหรือผ้าชุบน้ำเย็น ห่อด้วยผ้าสะอาดก่อนวางบนผิวหน้า เพื่อป้องกันความเย็นจัดที่อาจทำให้ผิวหนังเสียหาย
- ระยะเวลา : ประคบเย็นครั้งละ 15-20 นาที และเว้นช่วง 20-30 นาที ก่อนประคบซ้ำ
- ห้ามใช้ น้ำแข็งประคบโดยตรง กับผิวหนัง เพราะอาจทำให้ผิวหนังไหม้เย็น
- ไม่ควรประคบเย็นเป็นเวลานานเกินไป เพราะอาจทำให้หลอดเลือดหดตัวมากเกินไป และส่งผลต่อการฟื้นตัว
2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ และกิจกรรมที่เพิ่มความดันโลหิต
- สามารถเดินเบา ๆ ได้ในช่วงแรก เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดอาการบวม
- ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น การวิ่ง ยกน้ำหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องก้มศีรษะต่ำ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การซาวน่า หรือการออกกำลังกายในห้องอุณหภูมิสูง เพราะเหงื่ออาจทำให้แผลเกิดการอักเสบ
- การก้มศีรษะต่ำ เช่น การมัดรองเท้า หรือการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เลือดไหลเวียนลงไปที่ใบหน้ามากขึ้น และเพิ่มอาการบวม
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้จมูกได้รับแรงกระแทก เช่น การเล่นกีฬา หรือการขับขี่ยานพาหนะที่ต้องสวมหมวกกันน็อก
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูกและการกดทับโดยไม่จำเป็น
หลังจากเสริมจมูก จมูกยังไม่เข้าที่และอยู่ในระยะที่บอบบางมาก การสัมผัส กด บีบ หรือแม้แต่การถูจมูกเบา ๆ อาจทำให้จมูกเกิดความเสียหายหรือเคลื่อนที่ผิดรูปได้
- พยายาม อย่าเผลอจับหรือบีบจมูก โดยเฉพาะในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก
- หากรู้สึกคันบริเวณจมูก ให้ใช้น้ำเกลือฉีดล้างแทนการเกา
- ใช้สำลีก้านชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดเบา ๆ บริเวณแผลตามคำแนะนำของแพทย์
- หากต้องสวมแว่นตา ควรหลีกเลี่ยงการให้แว่นกดทับบริเวณสันจมูก อาจใช้เทปติดแว่นพยุงที่หน้าผากแทน
- ห้ามนวดหน้า หรือทำทรีตเมนต์ที่ต้องสัมผัสบริเวณใบหน้าในช่วง 1-2 เดือนแรก
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณจมูกในช่วงแรก เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
4. การรับประทานอาหารที่ช่วยลดบวมและเร่งการฟื้นตัว
- อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ปลาแซลมอน ไข่ขาว และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง และมะเขือเทศ เพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและลดการอักเสบ
- น้ำมะพร้าว หรืออาหารที่ช่วยลดบวม เช่น ฟักทอง แตงโม และขิง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียและลดอาการบวม
- อาหารรสเค็มและโซเดียมสูง เช่น อาหารหมักดอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะทำให้เกิดการบวมน้ำ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เช่น กาแฟ น้ำอัดลม และชา เพราะอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มอาการบวม
- อาหารที่เผ็ดจัด เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายมีการอักเสบเพิ่มขึ้น
5. การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การดูแลจมูกให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องอาศัยการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง
- ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อตรวจเช็คว่าจมูกเข้าที่ดีหรือไม่
- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาลดบวม ยาแก้ปวด หรือยาฆ่าเชื้อ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น จมูกบวมแดงมากขึ้น หรือมีของเหลวไหลออกจากแผล ควรรีบพบแพทย์ทันที






( รีวิว เสริมจมูก จาก Solaris Clinic )