พิเศษ! โปรเสริมจมูกราคาพิเศษ 7,900 บาท

ผลข้างเคียงเสริมจมูกที่ต้องรู้ก่อนเข้ารับบริการ

“ผลข้างเคียงเสริมจมูก” นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผู้สนใจเข้ารับบริการนั้นควรทราบ เพราะการเสริมจมูกนั้นเป็นศัลยกรรมที่ต้องมีการเข้ารับการผ่าตัด ดังนั้น สิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ก็คือการเกิดผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งก็จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันออกไป โดยจะมีผลข้างเคียงรูปแบบไหนบ้าง และเมื่อเกิดขึ้นแล้วควรดูแลตนเองอย่างไร ในบทความนี้มีคำตอบมาฝาก

ผลข้างเคียงเสริมจมูก ที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง

หากเกิดผลข้างเคียงขึ้นมาควรดูแลตนเองอย่างไร

จากที่กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นว่า เมื่อเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูกแล้ว อีกสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “ผลข้างเคียงหลังเสริม” ที่อาจตามมาได้ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อยไปจนถึงระดับรุนแรงมาก สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องทราบคือวิธีรับมือและการป้องกันเพื่อลดโอกาสและความเสี่ยงหลังการเสริมให้มากขึ้น ซึ่งก่อนที่จะไปศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักกับการเสริมจมูกแบบเบื้องต้นกันก่อนว่ามีรายละเอียดอะไรที่ควรรู้บ้าง

เสริมจมูก คือ…

ศัลยกรรมเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อตกแต่งรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น สวยงามขึ้นเพื่อปรับโครงสร้างของจมูกให้เกิดความสมดุล รับกับรูปหน้า โดยในปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมจมูกมีเทคนิคที่หลากหลาย ตั้งแต่ เสริมด้วยซิลิโคน (Silicone) การตกแต่งปีกจมูก การผ่าตัดจมูกแบบเปิด ( Open Technique) การใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู กระดูกอ่อนซี่โครง รวมถึงการใช้ไขมัน ผิวหนังของตัวคนไข้เอง หรือเนื้อเยื่อเทียมมาช่วย  โดยวัสดุแต่ละชนิดถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

เสริมจมูกเจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า?

ต้องบอกก่อนว่า การเสริมจมูก นั้น แม้จะเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ แต่ในระหว่างการผ่าตัดจะมีการใช้ยานอนหลับหรือยาชา ซึ่งคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ แต่ในช่วงพักฟื้นอาจมีอาการช้ำหรือระบมตามปกติและอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการศัลยกรรมจมูก

การศัลยกรรมจมูกถือเป็นการผ่าตัดประเภทหนึ่ง แม้จะได้รับความนิยมและพัฒนามาอย่างปลอดภัย แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งควรพิจารณาและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เช่น…

1.ความเสี่ยงทั่วไปจากการผ่าตัด

การผ่าตัดทุกประเภทมีความเสี่ยง เช่น…

  • มีเลือดออกหลังการผ่าตัด
  • ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • การแพ้ยาชาหรือยาสลบที่ใช้ระหว่างการผ่าตัด

2.อาการบวมและชาบริเวณจมูก

โดยปกติแล้ว หลังการผ่าตัด คนไข้จะมีอาการบวมและชารอบจมูกถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมักจะดีขึ้นในระยะเวลา 1-3 เดือน แต่ในบางกรณี อาการชาอาจคงอยู่เป็นเวลานานหรือถาวร ดังนั้น ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับทราบแนวทางการดูแลตนเองที่ถูกต้องต่อไป

3.แผลเป็นบริเวณฐานจมูก

ในกรณีที่มีการผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty) อาจเกิดแผลเป็นบริเวณฐานจมูก ซึ่งสามารถลดรอยได้ด้วยการดูแลแผลอย่างเหมาะสม เช่น การทายาลดรอยแผลเป็นหรือเลเซอร์รักษา เป็นต้น

4.เส้นประสาทถูกทำลายถาวร

ในบางกรณีที่ไม่พบบ่อย การผ่าตัดอาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทบริเวณจมูก ทำให้เกิดอาการชาถาวรหรือความรู้สึกผิดปกติได้

5.สังเกตเห็นซิลิโคนที่ใช้เสริม

การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนอาจทำให้เห็นขอบซิลิโคนชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบาง หรือเกิดการดันตัวของซิลิโคนเมื่อเวลาผ่านไป หากเกิดปัญหานี้ อาจต้องผ่าตัดแก้ไข ดังนั้น หากเริ่มสังเกตเห็นถึลสัญญาณเตือนของปัญหาซิลิโคนทะลุ ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อทำการผ่าตัดแก้จมูก

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า การเสริมจมูก เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ ถึงคนไข้จะไม่มีอาการเจ็บในระหว่างการผ่าตัด แต่แน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยง รวมไปถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่สามารถตามมาได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเสริมจมูก ควรเข้าพบแพทย์ก่อนเพื่อที่แพทย์จะได้ให้คำปรึกษาและประเมินความเสี่ยง ให้โอกาสในการซักถามข้อสงสัย จากนั้นจึงร่วมกันตัดสินใจในการผ่าตัด เพื่อการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและผลลัพธ์ที่คนไข้พึงพอใจที่สุด

วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก ยิ่งดูแลดี แผลยิ่งหายง่าย ไร้อาการบวม ลดความเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียง

หลังจากเข้ารับการผ่าตัดแล้ว สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือการดูแลตนเองของคนไข้ในช่วงพักฟื้น ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อดูแลเบื้องต้นอย่างเคร่งครัด ดังนี้…

การประคบเย็นในช่วง 1-2 วันหลังการผ่าตัดเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการช่วยลดอาการบวมที่เกิดขึ้นหลังการเสริมจมูก เนื่องจากการใช้ความเย็นสามารถช่วยจำกัดการขยายตัวของหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงและลดการสะสมของของเหลวในบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด การประคบเย็นยังช่วยลดอาการเจ็บปวดและอักเสบในระหว่างกระบวนการฟื้นตัวได้อีกด้วย

วิธีที่แนะนำคือการใช้ถุงน้ำแข็งหรือเจลเย็นที่ห่อด้วยผ้าบาง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเย็นโดยตรงกับผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้ผิวไหม้จากความเย็นได้ ควรประคบเย็นเป็นระยะเวลาประมาณ 15-20 นาทีแล้วพักระหว่างการประคบ

หลังจาก 4-5 วันเมื่อแผลเริ่มสนิทแล้ว สามารถใช้การประคบอุ่นเพื่อลดรอยช้ำได้ การใช้ความร้อนจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการเกิดรอยดำหรือฟกช้ำ โดยสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหรือแผ่นเจลอุ่นในการประคบได้

การควบคุมอาหารในช่วงหลังการเสริมจมูกเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและลดอาการบวม การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดหรือร้อนเกินไปเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะอาจกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทำให้เกิดอาการบวมที่บริเวณจมูกหรือใบหน้าได้

  • อาหารร้อน เช่น ซุปที่เพิ่งต้มเสร็จหรือเครื่องดื่มที่ร้อนมาก อาจทำให้ร่างกายของเรารู้สึกร้อนเกินไป ซึ่งอาจกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูหลังผ่าตัด
  • อาหารที่เผ็ดหรือเค็ม เช่น พริกและอาหารที่มีเกลือสูง อาจทำให้ร่างกายสะสมของเหลวมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการบวมมากขึ้นและยืดระยะเวลาการฟื้นตัวได้

นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ยังสามารถส่งผลเสียต่อการฟื้นตัว เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้เลือดไหลเวียนเร็วขึ้นและอาจทำให้แผลหายช้าลงหรือทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

การงดสูบบุหรี่ก่อนและหลังการเสริมจมูกมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการสนับสนุนการฟื้นฟูหลังผ่าตัด เนื่องจากบุหรี่มีสารนิโคตินและสารพิษอื่น ๆ ที่อาจลดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้แผลหายช้าลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

ทั้งนี้ การสูบบุหรี่ยังอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวในระยะยาว เนื่องจากการสูบจะลดการออกซิเจนในเลือด ทำให้เซลล์และเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณที่ได้รับการผ่าตัดขาดสารอาหารที่จำเป็นในการซ่อมแซม

แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ และในระยะหลังผ่าตัดควรงดสูบจนกว่าศัลยแพทย์จะอนุญาต

เนื่องจาก การปรับระดับศีรษะขณะนอนหลับหลังการเสริมจมูกมีความสำคัญต่อกระบวนการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อและการลดอาการบวมหลังผ่าตัด เพราะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดการสะสมของของเหลวในบริเวณจมูกและใบหน้าให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปรับระดับศีรษะและรักษาท่านอนที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นตัวหลังเสริมจมูกเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งยังช่วยป้องกันการเสียหายต่อจมูกและลดอาการไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

การนอนคว่ำหรือตะแคงในช่วงแรกหลังการเสริมจมูกอาจส่งผลเสียต่อรูปร่างของจมูกที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด เนื่องจากอาจทำให้เกิดแรงกดทับหรือเคลื่อนตำแหน่งของจมูกไปจากที่วางแผนไว้ การนอนในท่าหงายจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงฟื้นตัว

นอกจากนี้ การนอนในท่าคว่ำหรือตะแคงอาจทำให้เกิดการบวมมากขึ้นในบริเวณจมูกและใบหน้า ซึ่งจะยืดระยะเวลาการฟื้นตัวและอาจมีผลต่อการหายของแผลได้
การนอนในท่าหงายโดยการหนุนหมอนสูงและใช้หมอนรองรอบตัวเพื่อป้องกันการพลิกตัวในระหว่างนอนหลับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

พฤติกรรมเสี่ยงบางประการสามารถส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของการเสริมจมูกและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น

  • การสวมแว่นบริเวณสันจมูก: การใส่แว่นอาจกดทับที่จมูก ซึ่งส่งผลกระทบต่อรูปร่างของจมูกใหม่และอาจทำให้เกิดอาการบวมที่ไม่จำเป็น ควรหลีกเลี่ยงการสวมแว่นในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังการผ่าตัดหรือใช้แว่นแบบแขวนที่ไม่กดทับบริเวณสันจมูก
  • การสั่งน้ำมูกแรง ๆ: การสั่งน้ำมูกแรง ๆ หรือการขยับจมูกอย่างรุนแรงสามารถทำให้เกิดแรงกระแทกต่อจมูกที่ยังไม่เข้าที่และอาจทำให้แผลเปิดหรือเกิดอาการบวมเพิ่มขึ้น
  • การอยู่ในที่ที่มีฝุ่นหรือมลพิษ: การสัมผัสกับฝุ่นหรือมลพิษในอากาศอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบในบริเวณจมูก จึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นหรือมลพิษและสวมหน้ากากอนามัยหากจำเป็นต้องออกจากบ้าน

การดูแลหลังการเสริมจมูกอย่างรอบคอบและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ทั้งนี้ นอกจากที่ได้บอกไปว่าการดูแลตนเองหลังผ่าตัดนั้นสำคัญมาก ๆ ซึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเลือกคลินิกหรือแพทย์ผู้ชำนาญการที่เจ้าเข้ามาดูแลเคส เพราะถ้าหากเลือกผิด คลินิกไม่ได้มาตรฐานหรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ก็จะทำให้เกิดผลเสียกับจมูกของเราในอนาคตได้ ดังนั้น ควรพิจารณาเลือกคลินิคอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้น

เสริมจมูก กับ Solaris Clinic ด้วยเทคนิคเฉพาะกับแพทย์ผู้ชำนาญการ

สำหรับข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่คนไข้ทุกคนต้องทราบก่อนตัดสินใจและเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งนอกจากนี้ ที่ Solaris Clinic ของเราก็มีรูปแบบการผ่าตัดและเทคนิคต่าง ๆ ที่นำมาใช้และคนไข้ควรได้ศึกษาไว้เช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

เสริมจมูก ที่ Solaris Clinic มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

สำหรับเทคนิคการเสริมจมูกที่ทาง Solaris Clinic ของเรานำมาใช้ ประกอบด้วย 3 เทคนิคหลัก ดังนี้…

1.การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)

คือเทคนิค การผ่าแบบปิด ซึ่งทำการเปิดแผลเพียง ข้างเดียว และใส่ซิลิโคน เข้าไป จากนั้นเย็บปิดแผล โดยวิธีนี้ จะตกแต่งได้น้อยกว่า Semi Open แต่ยังสามารถเพิ่ม Option ได้ เช่น อินเตอร์โดม ตะไบฮัมพ์ เป็นต้น

2.การเสริมจมูกแบบเปิดแผลทั้ง 2 ข้าง (Semi-Open)

คือเทคนิค การผ่าแบบกึ่งเปิด ในรูจมูกทั้งสองด้าน และใส่ซิลิโคนเข้าไปเหมือนแบบ Close เพียงแต่ว่าวิธีนี้ คุณหมอจะสามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ชัดเจน และทำให้ตกแต่งได้มากขึ้น รวมไปถึงลดความตึงของเนื้อจมูกซึ่งทำให้ จมูกมีความโด่งพุ่งได้มากกว่า การเสริมจมูกแบบ Close

3.การเสริมจมูกแบบ SLR (Solaris Technique)

คือเทคนิคพิเศษเฉพาะ Solaris Clinic ด้วยวิธีที่คุณหมอ ออกแบบดีไซน์และปรับจมูกตั้งแต่ฐานไปจนถึงปลายจมูกเพื่อให้ได้ความเหมาะสม ทั้งเรื่องของ ความโด่ง พุ่ง และองศา ที่เข้ากับ Golden Ratio Face แบบสมดุลจะทำให้ มีจมูกที่เข้ารับกับใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าที่อื่น

อย่างไรก็ตาม การเสริมจมูกทั้ง 3 รูปแบบนี้ เป็นการผ่าตัดเบื้องต้นที่ทาง Solaris ของเราเปิดให้บริการ ซึ่งคนไข้แต่ละเคสจะถูกประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับรูปแบบการผ่าตัดอย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้ คนไข้บางละเคสอาจจะต้องมีการนำเทคนิคเสริมอื่น ๆ เข้ามาช่วยด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์ของการเสริมจมูกที่จะออกมาได้รับการแก้ไขที่ตรงจุดและเป็นที่น่าพึงพอใจมากที่สุด

ทำไมต้องเสริมจมูก ที่ Solaris Clinic

เพราะเราใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ ลูกค้าจอง ไปจนถึงวันที่ทำ และ ยัง Follow up ทุกเคสอีก ตั้งแต่ 1-6 เดือนเพื่อให้ความสบายใจ และ ความปลอดภัย ทางคลินิกจะเตรียมความพร้อมให้พนักงานทุกคน สามารถรับคำปรึกษา และ รับปัญหาเบื้องต้นของคนไข้หลังทำ ส่งให้คุณหมอทราบ และแนวทางปฏิบัติ ดังนั้น เราจึงตอบได้เต็มเสียงว่า เราใส่ใจในทุกขั้นตอนหากถามเรื่องความสวย ความงามของงานศัลยกรรม ทางเราจะให้ทางคนไข้ ตัดสินและเลือกเราด้วยตนเอง

Solaris Clinic พร้อมบริการทั้ง 6 สาขา ได้แก่…

อุดรธานี ขอนแก่น โคราช กรุงเทพ(บางนา) ชลบุรี(อมตะ) อุบลราชธานี(ใหม่)

FAQ

หลังการเสริมจมูก เบื้องต้นจะใช้เวลาพักฟื้น 7-15 วัน โดยในระหว่างนั้นคุณหมออาจนัดตัดไหมในวันที่ 10-15 และหลังจากนั้นแผลหรืออาการบวมจะค่อย ๆ ยุบตัวลงภายใน 7-10 วัน

แผลหรืออาการบวมจะค่อย ๆ ยุบตัวลงภายใน 7-10 วัน

ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินซีสูงเพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกายและลดอาการอักเสบ เช่นอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ต่าง ๆ

หลีกเลี่ยงอาหารที่รสจัดหรือมีโซเดียมสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่าง ๆ หรือ ส้มตำ เพราะจะส่งผลให้เซลล์ในร่างกายบวมขึ้น อาการบวมหลังการผ่าตัดอาจยุบช้าลง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอล์ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มโอกาสทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย

บทความล่าสุด

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.