พิเศษ! โปรเสริมจมูกราคาพิเศษ 7,900 บาท

ทำตาสองชั้น มีกี่แบบ? วิธีไหนเหมาะกับคุณ พร้อมแนะนำเทคนิคยอดนิยม

“ตาสองชั้น” ถือเป็นหนึ่งในศัลยกรรมความงามยอดฮิตที่สุดของคนเอเชีย โดยเฉพาะในไทยและเกาหลีใต้ เพราะลักษณะตาของชาวเอเชียจำนวนมากมักมีชั้นตาเดียว ชั้นตาหลบใน หรือหนังตาตก ทำให้ดวงตาดูเล็ก ไม่สดใส และไม่ชัดเจน การทำตาสองชั้นจึงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ ทำให้ดวงตาดูกลมโต มีมิติ และทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

ปัจจุบันการทำตาสองชั้นไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งการกรีดสั้น กรีดยาว กรีดเล็ก เทคนิคเย็บ 3 จุด เทคนิคเกาหลี หรือแม้แต่การทำตาสองชั้นร่วมกับการเปิดหัวตา–หางตา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและเหมาะกับแต่ละบุคคลมากที่สุด

บทความนี้ Solaris Clinic จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ทำตาสองชั้นคืออะไร? มีกี่วิธี? แบบไหนที่เหมาะกับคุณ? รวมถึงวิธีเตรียมตัว ดูแลหลังผ่าตัด และคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย

ทำตาสองชั้นคืออะไร?

การทำตาสองชั้น (Double Eyelid Surgery หรือ Blepharoplasty) คือการผ่าตัดหรือใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อสร้าง “รอยพับตา” ให้เกิดเป็นชั้นตาชัดเจนมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะตาชั้นเดียว ชั้นตาหลบใน หรือหนังตาตกจนบดบังดวงตา

วัตถุประสงค์ของการทำตาสองชั้น

  • ด้านความงาม → เพื่อให้ดวงตาดูกลมโต มีมิติ ทำให้ใบหน้าโดยรวมสดใส อ่อนเยาว์
  • ด้านการแก้ปัญหา → ช่วยแก้หนังตาตกที่บดบังการมองเห็น ลดอายุใบหน้า และแก้ตาที่ดูง่วงหรืออ่อนเพลีย

การทำตาสองชั้นไม่ได้จำกัดแค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและความมั่นใจอีกด้วย

ประเภทการทำตาสองชั้น

ในปัจจุบัน การทำตาสองชั้นมีหลายเทคนิค โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

1. เทคนิคเย็บจุด (Non-Incision / Suture Technique)

 แพทย์จะใช้การเจาะรูเล็ก ๆ บนเปลือกตา 2–3 จุด จากนั้นเย็บไหมพิเศษเพื่อดึงผิวหนังกับกล้ามเนื้อให้เกิดรอยพับตาสองชั้น โดยไม่ต้องกรีดเปิดแผล

ข้อดี

  • แผลเล็กมาก ฟื้นตัวเร็วภายใน 3–5 วัน
  • บวมช้ำน้อย เหมาะกับคนที่ไม่อยากพักฟื้นนาน
  • เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาบาง ไขมันเปลือกตาน้อย

ข้อจำกัด

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่หนังตาหนา หนังตาตก หรือมีไขมันเปลือกตาเยอะ
  • ชั้นตาอาจหลุดหรือคลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในคนที่มีหนังตาหนา

2. เทคนิคกรีดสั้น (Mini Incision Technique)

 แพทย์กรีดแผลขนาดเล็กบริเวณเปลือกตา เพื่อเอาไขมันส่วนเกินออก และเย็บสร้างรอยพับชั้นตา

ข้อดี

  • เหมาะกับคนที่มีไขมันเปลือกตาเล็กน้อย
  • ได้ผลลัพธ์ที่คงทนกว่าการเย็บจุด
  • แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็วกว่าแบบกรีดยาว

ข้อจำกัด

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาหย่อนหรือตกมาก
  • หากต้องแก้ไขหนังตาเยอะ อาจไม่ครอบคลุม

3. เทคนิคกรีดยาว (Full Incision Technique)

 แพทย์กรีดเปิดเปลือกตาตามแนวชั้นตาที่ออกแบบไว้ เพื่อเอาไขมันและผิวหนังส่วนเกินออก พร้อมสร้างรอยพับใหม่ที่ชัดเจน

ข้อดี

  • เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาตก ไขมันเยอะ หรืออายุมาก
  • ได้ผลลัพธ์ที่ถาวรและชัดเจนที่สุด
  • สามารถแก้ไขปัญหาตาหลบใน หนังตาหย่อนคล้อยได้ตรงจุด

ข้อจำกัด

  • พักฟื้นนานกว่าวิธีอื่น บวมช้ำประมาณ 7–14 วัน
  • ต้องอาศัยฝีมือศัลยแพทย์สูง เพราะถ้าออกแบบไม่ดีอาจทำให้ตาไม่สมดุล

4. เทคนิคกรีดร่วมกับเปิดหัวตา–หางตา (Epicanthoplasty & Lateral Canthoplasty)

นอกจากการทำตาสองชั้น แพทย์อาจทำการเปิดหัวตาหรือหางตา เพื่อให้ดวงตาดูกว้างและเรียวยาวขึ้น

ข้อดี

  • ทำให้ดวงตาดูกลมโตและมีมิติมากขึ้น
  • เหมาะกับคนที่ตาชิดหรือตาสั้นเกินไป
  • เพิ่มความสมดุลให้กับใบหน้าโดยรวม

ข้อจำกัด

  • ต้องอาศัยความละเอียดสูง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดรอยแผลเป็นได้
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างตาเยอะ

5. เทคนิคตาสองชั้นแบบเกาหลี (Korean Style Double Eyelid Surgery)

 เป็นการทำตาสองชั้นที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ใช้เทคนิคผสมระหว่างการกรีดเล็กและการเย็บจุด เพื่อให้ได้ชั้นตาแบบละมุน ดูไม่โป๊ะ

ข้อดี

  • ชั้นตาดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนาเกินไป
  • ฟื้นตัวไวกว่าแบบกรีดยาว
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลุคใส ๆ แบบสาวเกาหลี

ข้อจำกัด

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่หนังตาตกหรือไขมันเยอะมาก
  • ต้องเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคนิคนี้

วิธีเลือกการทำตาสองชั้นให้เหมาะกับตัวเอง

การเลือกเทคนิคการทำตาสองชั้นไม่ควรพิจารณาแค่ภาพรีวิวที่เห็น หรือเลือกเพียงเพราะวิธีนั้นกำลังเป็นที่นิยม แต่ควรอิงกับ ลักษณะดวงตาเดิม เนื้อเปลือกตา ปัญหาที่มี และความต้องการส่วนตัว เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีที่สุดและเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยหลัก ๆ สามารถเลือกได้ตามกรณีดังนี้

  • คนตาชั้นเดียว หนังตาบาง ไขมันน้อย
    เหมาะกับเทคนิคการเย็บจุด (Suture Technique) หรือ Mini Incision เพราะหนังตาที่บางและไม่มีไขมันส่วนเกินมาก ทำให้การเย็บสามารถสร้างรอยพับได้ชัดเจนและอยู่ได้นาน แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะกับคนวัยรุ่น–วัยทำงานที่อยากเปลี่ยนลุคโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

  • คนที่มีไขมันเปลือกตาเยอะ หนังตาตกเล็กน้อย
    กรณีนี้การเย็บจุดอาจไม่ตอบโจทย์เพราะไขมันทำให้ชั้นตาไม่ชัดเจน วิธีที่เหมาะกว่าคือ Mini Incision (เพราะสามารถเอาไขมันส่วนเกินออกได้บางส่วน) หรือใช้วิธีกรีดยาว (Full Incision) เพื่อแก้ไขได้ครบถ้วน ทั้งลดไขมัน สร้างชั้นตา และทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น

  • คนอายุมาก หนังตาหย่อนชัดเจน
    เมื่ออายุมากขึ้น หนังตาจะหย่อนคล้อยและมีไขมันสะสม การทำแบบกรีดยาวเต็มรูปแบบ (Full Incision) จะเหมาะสมที่สุด เพราะสามารถตัดหนังตาส่วนเกินออกไปพร้อมสร้างชั้นตาใหม่ที่ชัดเจน ทำให้ตาดูสดใส อ่อนเยาว์ และยังช่วยแก้ปัญหาการบดบังการมองเห็นจากหนังตาตกได้ด้วย

  • คนที่อยากได้ลุคธรรมชาติ ไม่โป๊ะ
    เหมาะกับเทคนิคเกาหลี (Korean Style Double Eyelid) หรือเทคนิคผสมที่ใช้การกรีดสั้นร่วมกับเย็บจุด ผลลัพธ์จะออกมาละมุน ชั้นตาดูใส ๆ เป็นธรรมชาติ ไม่หนาเกินไป เหมือนชั้นตาเดิมแต่สวยชัดเจนขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการลุคเป็นธรรมชาติแบบไม่ให้คนรอบข้างจับได้ว่าไปทำศัลยกรรมมา

  • คนที่อยากได้ตากลมโต เรียวยาวขึ้น
    แนะนำให้ทำตาสองชั้นร่วมกับการผ่าตัดเปิดหัวตา (Epicanthoplasty) หรือเปิดหางตา (Lateral Canthoplasty) เพื่อเพิ่มขนาดความยาวของดวงตา เหมาะกับคนที่มีตาชิด ตาสั้น หรืออยากให้ดวงตาดูหวาน คม และละมุนมากขึ้น

การเตรียมตัวก่อนทำตาสองชั้น

การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีช่วยให้การผ่าตัดราบรื่น ปลอดภัย และฟื้นตัวไวขึ้น

  1. ตรวจสุขภาพและประวัติการแพ้ยา
    ก่อนทำศัลยกรรมทุกครั้งควรตรวจสุขภาพทั่วไป เช่น ความดันโลหิต ตรวจเลือด และแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ เช่น ยาชา ยาปฏิชีวนะ หรือยาสลบ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผ่าตัด

  2. งดบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
    การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ส่งผลให้แผลหายช้าลง บวมมากขึ้น และเสี่ยงติดเชื้อ ดังนั้นควรงดก่อนและหลังการทำตาสองชั้นอย่างน้อย 14 วัน

  3. งดยาและอาหารเสริมบางชนิด
    ยากลุ่มแอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด หรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น โสม น้ำมันปลา วิตามินอี มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก ควรหยุดทานอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด

พักผ่อนให้เพียงพอ และล้างหน้าให้สะอาดในวันผ่าตัด
ร่างกายที่แข็งแรงและพักผ่อนเพียงพอจะช่วยให้ฟื้นตัวไวขึ้น และในวันผ่าตัดควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน งดแต่งหน้า–ครีมบำรุง เพื่อความสะอาดและลดความเสี่ยงติดเชื้อ

การดูแลหลังทำตาสองชั้น

การดูแลตัวเองหลังทำตาสองชั้นมีผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวและความสวยของชั้นตา

  • ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก
    ช่วยลดบวมและช้ำ โดยใช้เจลเย็นประคบเบา ๆ บริเวณรอบตา ครั้งละ 15–20 นาที พักทุก 1 ชั่วโมง

     

  • นอนหนุนหมอนสูง
    ควรนอนหงายและใช้หมอนหนุนศีรษะสูง 2 ใบ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดแรงดันบริเวณตา และลดอาการบวมได้เร็วขึ้น

     

  • ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ
    หากมีคราบเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกมา ควรใช้สำลีสะอาดชุบน้ำเกลือเช็ดเบา ๆ วันละ 2–3 ครั้ง ตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

     

  • งดออกกำลังกายหนักและงดแต่งตา
    อย่างน้อย 2 สัปดาห์แรกควรงดการออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่ง ยกของ หรือเล่นกีฬาที่มีแรงกระแทก และหลีกเลี่ยงการแต่งตา–ปัดมาสคาร่า เพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่แผล

     

  • พบแพทย์ตามนัด
    แพทย์จะนัดตัดไหม ตรวจสอบแผล และประเมินความสมดุลของชั้นตา การมาตามนัดทุกครั้งช่วยให้ตรวจเจอความผิดปกติได้เร็วและแก้ไขได้ทันท่วงที

ความเสี่ยงในการทำตาสองชั้นที่ควรรู้

แม้ว่าการทำตาสองชั้นจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ควรรู้เพื่อเตรียมรับมือได้อย่างถูกต้อง

  • อาการบวม ช้ำ หรือชั้นตาไม่เท่ากันในช่วงแรก
    เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ และชั้นตาจะเริ่มเข้าที่ชัดเจนใน 1–3 เดือน

  • แผลเป็นนูน
    พบได้น้อยมาก แต่หากทำกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญ อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ ซึ่งปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดและการเย็บแผลพัฒนาไปมาก ทำให้ความเสี่ยงนี้น้อยลงมาก

  • ชั้นตาหลุด (สำหรับวิธีเย็บจุด)
    ในบางกรณี โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันเปลือกตาเยอะ ชั้นตาที่สร้างจากการเย็บจุดอาจหลุดหรือคลายตัวได้ในระยะ 3–5 ปี แต่สามารถแก้ไขใหม่ได้

  • ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ
    แม้จะเกิดขึ้นน้อย แต่ก็อาจเกิดได้หากดูแลแผลไม่สะอาดหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ การล้างแผลให้สะอาดและทานยาตามแพทย์สั่งคือวิธีป้องกันที่ดีที่สุด

ทำไมต้องเสริมจมูกที่ Solaris Clinic

  • ทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง
  • ใช้เทคนิคเฉพาะที่ออกแบบชั้นตาให้เข้ากับโครงหน้า
  • วัสดุและเครื่องมือปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
  • การดูแลตั้งแต่ปรึกษาก่อนผ่าตัด จนถึงการติดตามผลหลังทำ 6 เดือน

มีหลายสาขาใกล้คุณ อุดรธานี ขอนแก่น โคราช กรุงเทพฯ (บางนา) ชลบุรี (อมตะ) และอุบลราชธานี

สรุป

การทำตาสองชั้นไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่คือการปรับบุคลิก เพิ่มความมั่นใจ และแก้ไขปัญหาหนังตาตกหรือชั้นตาหลบใน ปัจจุบันมีหลายเทคนิค ทั้งแบบเย็บจุด กรีดสั้น กรีดยาว และเทคนิคเกาหลี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดี–ข้อจำกัดต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยที่สุดสำหรับคุณ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำตาสองชั้น

Q: ทำตาสองชั้นเจ็บไหม?

 A: ส่วนใหญ่ใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ มีเพียงความรู้สึกตึงเล็กน้อยหลังทำ

Q: ทำตาสองชั้นกี่วันหายบวม?

 A: ช่วง 3–5 วันแรกจะบวมชัด จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง และประมาณ 1–2 เดือนจะเข้าที่สวยงาม

Q: ทำตาสองชั้นอยู่ได้นานแค่ไหน?

 A: หากเป็นการกรีดยาว จะอยู่ถาวรตลอดชีวิต ส่วนการเย็บจุดอาจคลายตัวได้ใน 3–5 ปี

Q: ทำตาสองชั้นแบบไหนดูธรรมชาติที่สุด?

 A: เทคนิคเกาหลี หรือการกรีดสั้นร่วมกับการออกแบบเฉพาะบุคคล จะให้ลุคที่ดูใส ๆ และละมุนที่สุด

Q: ทำตาสองชั้นราคาเท่าไหร่?

 A: ราคาแตกต่างตามเทคนิคและคลินิก โดยทั่วไปเริ่มตั้งแต่ 15,000–60,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและวัสดุที่ใช้

บทความล่าสุด

  • All Post
  • blog
  • ตาสองชั้น
  • ทำปากกระจับ
  • บทความ
  • ปากกระจับ
  • รีวิว
  • ศัลยกรรมตาสองชั้น
  • เสริมคาง
  • เสริมจมูก
  • แก้จมูก
  • โปรโมชั่น

บทความล่าสุด

  • All Post
  • blog
  • ตาสองชั้น
  • ทำปากกระจับ
  • บทความ
  • ปากกระจับ
  • รีวิว
  • ศัลยกรรมตาสองชั้น
  • เสริมคาง
  • เสริมจมูก
  • แก้จมูก
  • โปรโมชั่น

© 2024 Maxideastudio. All Rights Reserved.